🧠 Dr. W EP 238: "สงคราม POSTURE" 🧐... "ไม่สำคัญ" vs "สำคัญที่สุด"?

สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! หลังจากที่เราคุยกันในหลายๆ EP ที่ผ่านมา มีประเด็นหนึ่งที่ถูกจุดขึ้นมา และมันคือ "หัวใจ" ของความสับสนทั้งหมดในปัจจุบัน

คำถามคือ: "เดี๋ยวนี้มีคนบอกว่า Posture ไม่สำคัญแล้ว... ให้ไปเน้น 'ความแข็งแรง' (Strength) แทน... แต่อีกสายก็บอกว่าต้อง 'คุม Posture' ให้เป๊ะ... ตกลงมันยังไงกันแน่ครับ?"

คำตอบสั้นๆ ที่ผมฟันธงให้เลยคือ: "ทั้งสองฝ่าย 'พูดถูก' ครับ... แต่พวกเขาพูด 'คนละบริบท' กัน!"

"ท่าทาง" (Posture) สามารถเป็นได้ทั้งสิ่งที่ "ไม่สำคัญเลย" และ "สำคัญที่สุด" ในเวลาเดียวกัน... กุญแจสำคัญไม่ใช่ "ถ้า" (If) แต่มันคือ "เมื่อไหร่" (When) และ "ทำไม" (Why) เราถึงจะสนใจมัน

เพื่อที่จะเข้าใจเรื่องนี้ "ครั้งเดียวจบ" เราต้องมองผ่านเลนส์ "Biopsychosocial (BPS) Model" ครับ โมเดลนี้บอกเราว่า "ความเจ็บปวด" ไม่ได้มาจากแค่ "Bio" (ชีวภาพ เช่น เนื้อเยื่อ, ท่าทาง, กระดูก)... แต่ยังมาจาก "Psycho" (จิตใจ เช่น ความกลัว, ความเชื่อ, ความคาดหวัง) และ "Social" (สังคม เช่น คุณภาพการนอน, การออกกำลังกาย, ความเครียดในที่ทำงาน) ด้วย

เมื่อเราใช้เลนส์ BPS นี้ เราจะเห็นภาพชัดเจนทันที... โดยผมขอแบ่งโลกออกเป็น 2 บริบทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ

1. บริบท "คนไม่ปวด" (The Pain-Free Context) - (เป้าหมาย: ป้องกัน)

ในบริบทนี้... คือการพูดถึงคนทั่วไปที่ "ยังไม่ปวด" หรือคนที่ฟื้นฟูจนหายดีแล้ว

➡️ "BIO": Biomechanics "สำคัญ" แต่ในฐานะ "Performance Tool"

ในชีวิตประจำวัน "การทรงท่าจะอยู่ท่าไหนก็ได้" ครับ... แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้อง "รับ Load ที่สูง" (High Load)... Biomechanics จะกลายเป็น "สิ่งสำคัญ" ทันที

ตัวอย่าง "Rib Flare" และ "Neutral Spine" :

ในชีวิตประจำวัน: การนั่ง "แอ่นอก" (Rib Flare) ดูทีวี... ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ

แต่ (Biomechanics for Performance):... "ถ้า" คุณจะยก Overhead Press หนักๆ แล้วคุณ "แอ่นอก" (Rib Flare) โดยไม่คุม "Neutral Spine"... นี่คือ "ความไร้ประสิทธิภาพ" (Inefficiency) ครับ

ทำไม? เพราะมันคือกลยุทธ์การทรงตัวที่ "ไม่มั่นคง" (Open scissors) ทำให้แรง "รั่ว" (Energy leak) และอาจเพิ่มแรงกดที่กระดูกสันหลังส่วนล่างโดยไม่จำเป็น

"เหตุผล" ที่เราฝึก: เราฝึก "คุม Neutral Spine" (เช่น "Ribs down") "ไม่" ใช่เพราะ "กลัวปวดหลัง"... แต่เพื่อ "ประสิทธิภาพ" (Efficiency) ครับ! เราคุม Posture เพื่อ "ส่งผ่านแรง" (Force transmission) ให้ได้ "ดีที่สุด" และ "ปลอดภัยที่สุด" ในการยกน้ำหนักนั้นๆ นี่คือ "Postural Control for Performance" ครับ

ตัวอย่าง "Bench Press" :

ในชีวิตประจำวัน คุณ "ไม่" จำเป็นต้อง Retract Scapula (หุบสะบัก) ตลอดเวลา

แต่!... "ถ้า" คุณจะยก Bench Press หนักๆ แล้วคุณ "ไม่" Retract Scapula... คุณจะสูญเสียฐานที่มั่นคง (Stable base) และเพิ่มแรงเฉือน (Shear force) ที่ไหล่ด้านหน้า ซึ่ง "อาจทำให้เกิดปัญหาเจ็บไหล่หน้าได้"

ทำไม? เราคุม Posture (Retract Scapula) "ไม่" ใช่เพราะ "กลัวปวด"... แต่เพื่อ "ประสิทธิภาพ" (Efficiency) ครับ! เราคุม Posture เพื่อ "ส่งผ่านแรง" (Force transmission) ให้ได้ "ดีที่สุด" และ "ปลอดภัยที่สุด" ในการยกน้ำหนักนั้นๆ นี่คือ "Postural Control for Performance" ครับ

(จริงๆ มีเหตุผลทาง biomechanics มากกว่า มันค่อนข้างยาว ติดตามเพิ่มเติมในคอร์ส biomechanics นะครับ)

ตัวอย่าง Neutral Spine:

"คนไม่ปวด" ก็ "ฝึกได้" และ "ดีมาก" ครับ... แต่เป้าหมายไม่ใช่เพื่อ "แก้ไข" ท่าทางในชีวิตประจำวัน แต่เพื่อ "ฝึก" ให้ระบบประสาทสามารถ "สร้างความมั่นคง" (Stabilize) ได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อต้องเจอกับ Load สูงๆ ครับ

➡️ "PSYCHO": การ "โทษ" ท่าทาง คือการ "สร้างความกลัว"

นี่คือ "อันตราย" ที่สุดของการที่นักบำบัดไป "หมกหมุ่น" (Obsess) กับท่าทางในคนไม่ปวดครับ:

จำงานวิจัย (Martin et al., 2025) เรื่อง "ชื่อโรค" ได้ไหมครับ? ผลลัพธ์: การที่เรา "ติดป้ายฉลาก" (Label) คนไข้ด้วย "ชื่อโรคเฉพาะทาง" (Specific labels) เช่น "คุณมีภาวะกระดูกสันหลังเสื่อม" หรือ "คุณมีภาวะ Text Neck"... มัน "ส่งเสริมความกลัว" (Promotes fear), ทำให้คนไข้มองร่างกายว่า "พัง" (Biomedical view), และมีทัศนคติ "เชิงลบ" ต่อการฟื้นฟู

การสร้าง "Nocebo": เมื่อเรา "ตีตรา" (Demonize) ว่า "การนั่งหลังค่อม = อันตราย" กับคนทั่วไปที่ยังไม่ปวด... เรากำลัง "สร้าง" "ความเชื่อที่ผิด" (Harmful Beliefs) และ "ความกลัวการเคลื่อนไหว" (Fear-Avoidance Beliefs - FABs) ให้เขาโดยไม่จำเป็น

➡️ "SOCIAL": ปัจจัยที่ "สำคัญกว่า" Biomechanics ในการทำนายความปวด

จำงานวิจัย (Correia et al., 2025) ได้ไหมครับ? "ท่าทาง" (Bio) "ไม่" สามารถทำนายการปวดคอในอนาคตได้เลย... แต่ปัจจัย "Social" (ในโมเดล BPS) "คุณภาพการนอนที่ต่ำ" และ "การไม่ออกกำลังกาย" (Insufficient Physical Activity) กลับ "ทำนายได้"

จำงานวิจัย (Núñez-Cortés et al., 2025) ได้ไหมครับ? "การไม่ขยับตัว" (Physical Inactivity) คือปัจจัยที่ "เลวร้ายที่สุด" และสัมพันธ์กับ "ความรุนแรง" ของอาการปวด "มากที่สุด"

✅ สรุปสำหรับ "คนไม่ปวด":

"ห้าม" โทษท่าทาง ในชีวิตประจำวัน และ "ห้าม" สร้างความกลัว เป้าหมายของเราคือการส่งเสริม "ไลฟ์สไตล์" (Social) ที่ดี และ "สร้างความแข็งแรง" (Bio-Performance) เพื่อให้ร่างกาย "ทนทาน" ต่อท่าทางที่หลากหลายได้เอง

2. บริบท "คนที่กำลังปวด" (The "In-Pain" Context) - (เป้าหมาย: ฟื้นฟู)

ในบริบทนี้... คือการพูดถึงคนไข้ที่ "กำลังเจ็บ" นั่งอยู่ตรงหน้าเรา... ทันใดนั้น "Biomechanics" และ "Posture" จะกลายเป็น "เครื่องมือที่สำคัญที่สุด" ชิ้นหนึ่งของเราทันทีครับ!

➡️ Posture ("Bio") คือ "เครื่องมือปรับเปลี่ยนอาการ" (Symptom Modification Tool)

เมื่อคนไข้ปวด... ระบบประสาทของเขากำลัง "ไว" (Sensitized) (นี่คือส่วน "Bio" ที่เปลี่ยนไป)

เหตุผล "เก่า" (ที่ผิด): เราปรับท่าทางเพราะท่าเดิมมัน "ผิด" หรือเป็น "สาเหตุ" ของการปวด

เหตุผล "ใหม่" (ที่ถูกต้องกว่า): เราปรับท่าทางเพื่อ "บรรเทาอาการ" (Modulate Symptoms)

ตัวอย่าง: ถ้าคนไข้ปวดหลังเวลาก้ม (Flexion-sensitive)... เราก็แค่สอนให้เขา "เลี่ยง" การก้มชั่วคราว (เช่น ใช้ท่า Hip Hinge แทน) ... มันคือการ "หรี่เสียง" (Dimmer switch) สัญญาณเตือนภัย (Nociception) "ชั่วคราว" เพื่อให้ระบบประสาท "สงบลง" (Desensitize) ครับ

➡️ "ความเชื่อ" และ "ความกลัว" ("Psycho") คือ "อุปสรรค" (The Barrier) ที่เราต้อง "เอาชนะ"

ในคนไข้กลุ่มนี้ "ความกลัว" ไม่ใช่สิ่งที่เราสร้าง... แต่มัน "มีอยู่จริง" และเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวครับ

จำงานวิจัย (Lyons et al., 2025) ได้ไหมครับ?

Cluster 3 (กลุ่มกลัว): เป็นกลุ่มที่ "ร่างกาย" (Bio) ตอบสนองต่อการออกกำลังกายได้ดี (เกิด EIH) แต่... "ความกลัว" (Psycho) มันไป "บดบัง" (Dampen) ผลลัพธ์ที่ดีนั้นเสียหมด!

"วิธี" ที่เราอธิบาย เรื่องท่าทางจึงสำคัญมาก

ห้ามพูดว่า: "คุณปวดเพราะท่าคุณ 'ผิด'" (นี่คือการ "เพิ่ม" ความกลัว - Psycho)

ให้พูดว่า : "ตอนนี้ระบบประสาทที่หลังคุณกำลัง 'ไว' (Sensitive - Bio) ... เรามา 'ลอง' ปรับท่า (เช่น นั่งหลังตรงขึ้น) เพื่อหา 'ท่าที่สบาย' (Position of comfort) กันดูก่อนนะครับ" (นี่คือการ "ลด" ความกลัว และให้ "ทางเลือก")

ให้พูดว่า : "การเจ็บนิดๆ (Hurt) ไม่ได้แปลว่า 'อันตราย' (Harm) ครับ" (นี่คือการทำลาย "ความเชื่อ" ที่ผิดๆ)

➡️ การ "ปรับท่า" (Biomechanics) และ "Progression" สำหรับ "คนกำลังปวด"

"ท่าเริ่มต้น" (The Starting Point) - ตัวอย่าง "Rib Flare" และ "Neutral Spine": สำหรับคนไข้ที่กำลังปวดและ "กลัว" (Cluster 3) หรือ "ระบบประสาทไว" (Cluster 2)...

เรามักพบว่าคนไข้ปวดหลัง "ติด" อยู่ในท่าแอ่นอก/แอ่นหลัง (Rib Flare) ตลอดเวลา (Extension-based strategy) ซึ่งมัน "โหลด" (Compress) ข้อต่อหลัง (Facets) ตลอดเวลา

เราจะ "เริ่ม" ฝึกเขาในท่าที่ "ยาก" หรือ "เจ็บ" เลยไม่ได้... เราต้องเริ่มจาก "ท่าที่ปลอดภัย" (Position of Safety) ที่สุด

และนี่คือจุดที่ "Neutral Spine" หรือ "หลักการ DNS" (ที่เน้นการคุม "Ribs down") เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งครับ!

ทำไม? เพราะอย่างที่คุณบอก... มันคือท่าที่ "Load ต่อโครงสร้างที่ 'ไว' (Facets) ลดลง" มันคือ "ท่าที่สบาย" (Position of comfort) ที่สุด

ผลลัพธ์ (BPS): เมื่อคนไข้รู้สึก "ปลอดภัย" และ "ไม่เจ็บ" (Bio)... "ความกลัว" (Psycho) ของเขาจะลดลง และเขาจะ "อนุญาต" ให้ตัวเองเริ่มขยับได้ (It gives them permission to move)

"การ Progression" (The Journey) - ตัวอย่าง "ปวดเข่า Squat": นี่คือ "ศิลปะ" ครับ มันคือการ "Graded Exposure" (การเผชิญหน้าอย่างเป็นขั้นตอน)

Start (Modify Biomechanics):

คนไข้ "ปวดเข่า" (เช่น Patellar Tendinopathy) เวลาทำ Squat (ซึ่งมักจะเป็น Quad Dominant)

เรา "ไม่" บอกให้เขา "หยุด Squat"

เรา "ปรับท่าทาง" (Biomechanics) ครับ! เราเปลี่ยนให้เขาทำ "Hip Dominant Squat" (เช่น ย่อแบบพับสะโพกไปด้านหลังเยอะๆ หรือทำ Box Squat)

ทำไม (BPS)? เพื่อ "หรี่เสียง" สัญญาณเตือนภัย (Unload) ที่ "เข่า" (Bio - Sensitive structure) และ "ย้าย" Load ไปที่ "สะโพก" (Bio - Robust structure) แทน... ซึ่งจะช่วย "ลดความกลัว" (Psycho) ในการย่อตัว

Progress (Build Capacity):

เรา "เพิ่ม Load" (Progressive Overload) ในท่า Hip Dominant Squat นั้น และฝึกท่าอื่นๆ เพื่อสร้างความแข็งแรง

The Goal (Restore Variety):

เมื่อ "เข่า" แข็งแรงขึ้น (Bio - Capacity เพิ่มขึ้น) และ "ความกลัว" ลดลงแล้ว (Psycho)...

เราต้อง "ค่อยๆ นำท่าที่เคย 'เจ็บ' หรือ 'กลัว' กลับเข้ามา" -> คือการค่อยๆ "Progress" ท่า Squat ให้กลับมาเป็น "Quad Dominant" (ย่อตัวตรง) มากขึ้น

Why? เพราะเราไม่ต้องการให้คนไข้ "ติด" อยู่กับท่า Hip Dominant ตลอดไป (นั่นก็คือความกลัวอีกรูปแบบหนึ่ง) เราต้องการให้เขากลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ...

"หรือจะทำท่าไหนก็ได้ ไม่ได้มีข้อจำกัด" -> นี่คือเป้าหมายสูงสุดครับ! เมื่อเขาหายดีและแข็งแรงแล้ว เขาควรจะสามารถเลือกทำ Quad Dominant Squat หรือ Hip Dominant Squat ก็ได้ตามที่เขาต้องการ โดยไม่มีอาการปวด

✅ สรุปสำหรับ "คนกำลังปวด":

"จงใช้" Biomechanics (เช่น Neutral Spine / Hip Dominant) เป็น "จุดเริ่มต้น" ที่ "ปลอดภัย" เพื่อ "ลดปวด" (Bio) และ "ลดความกลัว" (Psycho) ...จากนั้น "ค่อยๆ เพิ่ม Load" (Progress) ในท่าที่ปลอดภัยนั้น... ...และ "ค่อยๆ นำ" ท่าที่หลากหลายกลับเข้ามา (Graded Exposure) เมื่อร่างกายเขาพร้อม เพราะเป้าหมายไม่ใช่การ "ติด" อยู่ในท่าที่ปลอดภัยเพียงท่าเดียวตลอดไป

💡 สรุป "ภาพใหญ่" (The Big Picture)

1. สำหรับ "คนไม่ปวด": Biomechanics "ไม่สำคัญ" เท่า "ไลฟ์สไตล์" ("Social") และ "ความเชื่อ" ("Psycho") งานของเราคือ "สร้างความทนทาน" (Build Resilience - Bio) และ "ความหลากหลายในการเคลื่อนไหว", ไม่ใช่ "สร้างความกลัว" (Psycho)

2. สำหรับ "คนกำลังปวด": Biomechanics "สำคัญมาก" ในฐานะ "จุดเริ่มต้น" (Starting Point) เราใช้ท่าที่ "ปลอดภัย" (เช่น Neutral Spine) เพราะมัน "สบาย" และ "กระจายโหลดได้ดี" เพื่อ "ลดความไว" (Reduce Sensitivity - Bio) และ "ลดความเชื่อที่ผิดๆ" (Challenge Harmful Beliefs - Psycho)

3. เป้าหมายสูงสุด (The Ultimate Goal) (BPS Synthesis): คือการใช้ "Biomechanics ที่ปลอดภัย" (ชั่วคราว) และ "การให้ความรู้" เพื่อ "ปลดล็อก" คนไข้จากความกลัว... ...แล้วนำเขาไปสู่ "การออกกำลังกาย" เพื่อสร้างร่างกายที่ "แข็งแรงและทนทาน" (Strong & Resilient - Bio)... ...จนถึงจุดที่เขา "มั่นใจ" (Confident - Psycho) และ "ไม่ต้องกังวล" เรื่องท่าทางอีกต่อไป และสามารถ "ก้มหลัง", "นั่งแอ่นอก" (Rib Flare), หรือ "Squat แบบ Quad Dominant" ได้โดยไม่เจ็บครับ

✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก: "กับดักความเชื่อ" (The Belief Trap) ... เมื่อการ "พยายาม" นั่งตรง ยิ่งทำให้ "ปวด" ✨

คุณอาร์ต อายุ 38 ปี เป็นโปรแกรมเมอร์ มาที่คลินิกด้วยปัญหา ปวดหลังส่วนล่างเรื้อรัง (CLBP)

การประเมิน (Assessment):

➡️ Subjective (อาการและการรับรู้ของผู้ป่วย): คุณอาร์ตเล่าว่า: "ผมปวดหลังตื้อๆ ครับ เป็นมาเป็นปีแล้ว ยิ่งนั่งนานยิ่งเป็น... ผม 'รู้' ครับว่าปัญหาของผมคืออะไร"

ประเด็นสำคัญ (The "Psycho" / Beliefs Barrier): "ปัญหาของผมคือ 'ท่าทาง' (Posture) ครับ ผมนั่งหลังค่อมทั้งวัน (Self-diagnosed 'bad posture') ... ผมพยายาม 'ฝืน' นั่งหลังตรงตามที่เขาบอกกันแล้วนะครับ แต่พอนั่งเกร็งๆ ได้ 10 นาที มันก็เกร็งจนปวดคอบ่าไปหมด... ผม 'กลัว' การก้มตัวมาก (Fear-Avoidance) กลัวว่าหมอนรองฯ จะปลิ้นครับ"

การซักประวัติ (The "Bio" & "Social" Factors):

Bio (Exercise): "ผม 'ไม่กล้า' ออกกำลังกายเลยครับ กลัวก้ม กลัวเจ็บ"

Social (Lifestyle): "ผมทำงานหนัก นอนดึกครับ ตื่นมาก็เพลียๆ ตลอด"

การวิเคราะห์ปัญหา (BPS Model): คุณอาร์ตคือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของ "วงจรความกลัว" (Fear-Avoidance Cycle) ที่ซับซ้อน:

Psycho (จิตใจ): เขา "เชื่อ" ฝังใจว่า "ท่าทาง = สาเหตุ" และ "การก้ม = อันตราย" นี่คือ "อุปสรรค" ที่ใหญ่ที่สุดของเขา ( Cluster 3)

Bio (ชีวภาพ): "ความกลัว" นี้นำไปสู่การ "ไม่ขยับตัว" ทำให้ร่างกายเขา "อ่อนแอ" (Deconditioned) ลงเรื่อยๆ

Social (สังคม): "การนอนน้อย" ยิ่งทำให้ระบบประสาทของเขา "ไว" (Sensitized) ต่อความเจ็บปวดมากขึ้น

สรุป: ปัญหาของคุณอาร์ตไม่ใช่ "ท่าทาง" แต่คือ "ความเชื่อที่ผิดๆ" (Psycho) ที่นำไปสู่ "การไม่ขยับตัว" (Bio/Social) ครับ

แผนการรักษา (Intervention Plan - "ปลดล็อก" ความเชื่อ ก่อน "สร้าง" ความแข็งแรง)

🧠 1. เริ่มที่ "Psycho": การให้ความรู้ (Education) เพื่อ "ทลาย" ความเชื่อและความกลัว

ทลายความเชื่อเรื่อง "ท่าทาง":

Dr W: "คุณอาร์ตครับ... 'ท่าทาง' (เช่น นั่งค่อม) 'ไม่' ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ปวดหลังครับ"

ชี้ตัวการที่แท้จริง :

"แต่ตัวการที่ 'เลวร้ายที่สุด' คือ 'การไม่ขยับตัว' และ 'การนอนไม่พอ' ครับ ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราจะมาโฟกัสกัน"

เปลี่ยน "กฎ" เป็น "เครื่องมือ":

"เราจะ 'ไม่' บังคับให้นั่งตรง 8 ชั่วโมง... แต่เราจะ 'ใช้' ท่าทางเป็น 'เครื่องมือ' ครับ"

💪 2. เริ่มที่ "Bio": ใช้ Posture เป็น "จุดเริ่มต้นที่ปลอดภัย" (The Starting Point)

เราจะใช้ "Neutral Spine" เป็น "ท่าเริ่มต้น" (Starting point)

ทำไม? ไม่ใช่เพราะมันเป็นท่าที่ "ถูกต้อง" ท่าเดียว... แต่เพราะมันเป็น "ท่าที่สบาย" (Position of comfort) ที่สุดสำหรับคุณอาร์ตในตอนนี้

เป้าหมาย (BPS): เพื่อ "ลด" สัญญาณปวด (Bio) และ "พิสูจน์" ให้สมองของเขาเห็นว่า "การขยับในท่านี้ = ปลอดภัย" (Psycho)

Progression: เริ่มจากท่า "ปลอดภัย" (เช่น Bird-dog) ➡️ ค่อยๆ "เพิ่ม Load" (Progressive Overload) ในท่าที่ปลอดภัยนั้น (เช่น Squat, RDLs)

🏃 3. เป้าหมายสูงสุด: "Progression" สู่ "การเคลื่อนไหวที่หลากหลาย" (Restoring Variety)

เมื่อคุณอาร์ต "แข็งแรงขึ้น" (Bio) และ "กลัวน้อยลง" (Psycho) แล้ว...

Graded Exposure (EP 234): เราจะค่อยๆ "นำท่าที่เขากลัวกลับเข้ามา" เช่น การฝึก "ก้มหลัง" (Graded Flexion) เบาๆ

ทำไม? เพื่อ "ทำลาย" ความเชื่อที่ว่า "การก้ม = อันตราย" และพิสูจน์ให้เขามั่นใจว่าร่างกายเขา "ทนทาน" (Resilient)

ผลลัพธ์ (Outcome):

คุณอาร์ต "เลิก" หมกหมุ่นกับการต้อง "นั่งตรง" ตลอดเวลา (Psycho ดีขึ้น)

เขากล้าที่จะ "ขยับ" และ "ออกกำลังกาย" (Bio/Social ดีขึ้น)

ณ 3 เดือน: อาการปวดหลังเรื้อรังลดลงอย่างมาก... ไม่ใช่เพราะ "ท่าทาง" ของเขาดีขึ้น... แต่เพราะ "ความเชื่อ" ของเขาถูกต้อง, "ความกลัว" ของเขาลดลง, และ "ร่างกาย" ของเขาแข็งแรงและทนทานขึ้นครับ

📖 References

➡️ Correia, I. M. T., et al. (2025). Cervical flexion posture during smartphone use was not a risk factor for neck pain, but low sleep quality and insufficient levels of physical activity were. Brazilian Journal of Physical Therapy.

➡️ Martin, S., et al. (2025). Non-specific diagnostic labels... foster positive views... but require clear explanation: a systematic review. Journal of Physiotherapy.

➡️ Núñez-Cortés, et al. (2025). PHYSICAL INACTIVITY IS THE MOST IMPORTANT UNHEALTHY LIFESTYLE FACTOR FOR PAIN SEVERITY IN OLDER ADULTS WITH PAIN: A SHARE-BASED ANALYSIS...

➡️ Lyons, K. M., et al. (2025). The identification of pain phenotypes in individuals with low back pain in response to dynamic resistance exercise. European Journal of Pain.

➡️ Rodríguez-Domínguez, Á. J., et al. (2025). Does resistance training improve pain intensity, quality of life, and disability in people with chronic nonspecific low back pain? A systematic review and meta-analysis. Disability and Rehabilitation.

➡️Tourillon, R., et al. (2025). Restoring ankle dorsiflexion... an individualized clinical decision-making system. Frontiers in Sports and Active Living.

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพ มี 2 สาขา

!!ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!

📌สาขา เยาวราช

-แผนที่ : https://g.co/kgs/kXSEbT

-โทร : 080 425 9900

-Line : https://lin.ee/6pVt7JG

📌สาขา เพชรเกษม81

-แผนที่ : https://g.co/kgs/MVhq7B

-โทร : 094 654 2460

-Line :https://lin.ee/cl1hNqe