top of page

Dr. W EP. 124 เขย่งน่องได้กี่ครั้งถึง 'ปกติ'? 🤔 มากกว่า 'จำนวนครั้ง' ที่ต้องรู้! (พร้อม App ช่วยวัด!)

 🤔สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาแล้วครับ! ท่าเขย่งน่อง (Calf Raise / Heel Raise) เป็นท่าทดสอบพื้นฐานที่ใช้กันแพร่หลายมากในคลินิกกายภาพบำบัดและฟิตเนส เพื่อประเมินความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อน่อง (Calf muscles) ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเดิน การวิ่ง การกระโดด และกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

คำถามยอดฮิตคือ... "ต้องทำได้กี่ครั้งถึงจะเรียกว่าปกติ?"

มีงานวิจัยชิ้นใหม่จากนานาชาติ โดย Visser และคณะ (ตีพิมพ์ใน Braz J Phys Ther ปี 2025) พยายามหาคำตอบนี้ครับ เค้าได้เก็บข้อมูลค่ามาตรฐาน (Normative values) ของการทดสอบความทนทานของกล้ามเนื้อน่องในคนทั่วไปจำนวนมาก (เกือบ 500 คน อายุ 18-81 ปี ที่ไม่มีอาการปวดเอ็นร้อยหวาย) โดยใช้ แอปพลิเคชันบนมือถือ (Calf Raise Application) มาช่วยวัดผลอย่างละเอียด

 💢คำตอบแบบง่ายๆ (แต่ยังไม่ครบ!):

จากงานวิจัยนี้ พบว่า ค่ากลาง (Median) ของจำนวนครั้งที่คนทั่วไปทำท่าเขย่งน่องขาเดียว (Single Leg Calf Raise) ได้ คือประมาณ 25 ครั้ง สำหรับขาข้างที่ถนัด (และ 24 ครั้งสำหรับข้างไม่ถนัด) ครับ (ดูตารางสรุปในรูปที่แนบมาได้เลยครับ )

 ⭕️แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งยึดติดแค่ตัวเลข 25 ครั้งนะครับ! เพราะ...

1. ตัวเลขนี้แปรผันตามปัจจัยอื่นเยอะมาก: งานวิจัยพบว่าผลลัพธ์ (จำนวนครั้ง, ความสูง, งานที่ทำได้) ได้รับอิทธิพลจาก ระดับกิจกรรม (คนที่ Active กว่าย่อมทำได้ดีกว่า), เพศ (ผู้ชายมีแนวโน้มทำได้ดีกว่า), และ BMI

2. การนับแค่ "จำนวนครั้ง" (Repetitions) อย่างเดียว มันไม่พอ! และอาจ "หลอก" เราได้!

 ทำไมการนับแค่ "จำนวนครั้ง" ถึงไม่พอ?

ลองนึกภาพตามนะครับ คนไข้อาจจะทำได้ 30 ครั้งก็จริง แต่...

 ◾️ครั้งหลังๆ ยกส้นเตี้ยลงเรื่อยๆ (Range of motion ลดลง)

 ◾️จังหวะการทำไม่สม่ำเสมอ (Speed เปลี่ยนไป)

 ◾️เริ่มบิดตัว ใช้ส่วนอื่นช่วย หรือฟอร์มเสีย (Poor technique / Compensation) ถ้าเราดูแค่ "จำนวนครั้ง" สุดท้าย โดยไม่สน "คุณภาพ" ของแต่ละครั้งที่ทำ เราอาจจะ ประเมินความสามารถที่แท้จริงของกล้ามเนื้อน่องผิดไป ได้ครับ

 ⭕️ยกระดับการทดสอบ! วัด "คุณภาพ" ไม่ใช่แค่ "ปริมาณ" (The Calf Raise App & HRET)

งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นแนวทางการประเมินที่ดีขึ้นครับ โดยใช้เทคโนโลยีอย่าง "Calf Raise App" (หรือเครื่องมือวัดอื่นๆ ที่คล้ายกัน) มาช่วยเก็บข้อมูลที่สะท้อน "คุณภาพ" ของการเคลื่อนไหวได้ดีกว่าแค่จำนวนครั้ง เช่น:

 ◾️ความสูงของการยกส้น (Peak & Total Heel Height - cm): ยกได้สูงสุดเท่าไหร่? ความสูงเฉลี่ยตลอดการทดสอบเป็นอย่างไร? ตกท้ายๆ หรือเปล่า?

 ◾️งานทั้งหมดที่ทำได้ (Total Work - Joules): สะท้อนความสามารถในการออกแรงต่อเนื่องโดยรวมได้ดีกว่าจำนวนครั้ง

 ◾️กำลัง (Power): อัตราการออกแรงเป็นอย่างไร (แม้ในตารางนี้ไม่มี แต่ App อาจวัดได้)

 ◾️ระยะทางการเคลื่อนที่รวม (Total Displacement - cm): ภาพรวมของการเคลื่อนที่ทั้งหมด

การวัดค่าเหล่านี้จะให้ภาพที่ สมบูรณ์และแม่นยำ เกี่ยวกับสมรรถนะ (Capacity) และความทนทาน (Endurance) ของกล้ามเนื้อน่องได้ดีกว่ามากครับ

 สิ่งสำคัญในการทดสอบ:

 ◾️ใช้โปรโตคอลที่เป็นมาตรฐาน: เพื่อให้ผลน่าเชื่อถือและเปรียบเทียบกับค่าอ้างอิงได้ งานวิจัยนี้ใช้โปรโตคอล Heel Raise Endurance Test (HRET) (ดูรายละเอียดในรูป) คือ ยืนขาเดียวบนพื้นเอียง 10 องศา, ทำตามจังหวะที่กำหนด (60 bpm หรือ 30 ครั้ง/นาที), และหยุดเมื่อไม่สามารถรักษาจังหวะ/ระยะ/ท่าทางที่ถูกต้องได้ แม้จะได้รับการกระตุ้นเตือนแล้ว

 ◾️การให้คำแนะนำ (Cueing): สำคัญมากที่ต้องกระตุ้นให้ผู้ถูกทดสอบรักษาเทคนิคที่ถูกต้องตลอดการทดสอบ

 ◾️การเปรียบเทียบกับค่า Normative: ใช้ค่าจากงานวิจัย (ดูในรูป) เป็น "จุดอ้างอิง" แต่ต้องพิจารณา ปัจจัยส่วนบุคคล (อายุ, เพศ, กิจกรรม, BMI) ประกอบด้วยเสมอ และต้องแน่ใจว่าเราทดสอบด้วย โปรโตคอลที่ใกล้เคียงกัน ถึงจะเปรียบเทียบกันได้

 ◾️มี Web-based calculator ให้ลองใช้ประมาณค่าได้ที่: www.achillestendontool.com/HRET

 💭บทสรุปและข้อคิดจาก Dr. W:

 ◾️การประเมินความแข็งแรงทนทานของกล้ามเนื้อน่อง (Calf capacity) มีความสำคัญมากในการดูแลผู้ป่วย/นักกีฬา

 ◾️อย่าหยุดแค่การนับจำนวนครั้ง (Reps)! ให้ความสำคัญกับ "คุณภาพ" ของการเคลื่อนไหวด้วย (ความสูง, จังหวะ, เทคนิค)

 ◾️หากเป็นไปได้ ลองใช้ เทคโนโลยี เช่น แอปพลิเคชันบนมือถือ หรือการวิเคราะห์วิดีโอ มาช่วยวัดค่าต่างๆ ให้แม่นยำและครบถ้วนมากขึ้น

 ◾️ใช้โปรโตคอลที่เป็นมาตรฐาน ในการทดสอบเสมอ เพื่อความน่าเชื่อถือของผล

 ◾️ใช้ ค่า Normative เป็นแนวทาง แต่ต้องปรับตามบริบทของแต่ละบุคคล การที่เราประเมินได้ละเอียดและแม่นยำขึ้น จะช่วยให้เราวางแผนการรักษา ฟื้นฟู หรือฝึกซ้อมได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ!

 ♥️เคสตัวอย่างจากคลินิก: เขย่งน่องไม่สุด? หรือแค่ "น่องขี้ลืม"? ลองมองด้วย NMI/NKT

 ◾️ผู้ป่วย: คุณปอ นักวิ่งสมัครเล่นหญิง อายุ 30 ปี มีปัญหา เจ็บตึงที่น่อง (Calf strain) หรือเอ็นร้อยหวาย (Achilles tendinopathy) ข้างขวา เป็นๆ หายๆ มาหลายครั้งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เคยพักและทำกายภาพฯ มาบ้าง เน้นยืดเหยียดและทำท่า Calf raise พื้นฐาน แต่อาการก็ยังกลับมาเมื่อกลับไปวิ่งจริงจัง

 การประเมิน:

    ◾️ซักประวัติ ตรวจร่างกายทั่วไป ไม่พบสัญญาณอันตราย ตรวจพบจุดกดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อน่อง Gastrocnemius และ Soleus ด้านในขวาเล็กน้อย

    ◾️ทดสอบ Calf Raise Test: ให้ลองทำ Single Leg Heel Raise ข้างขวา (พยายามทำตามจังหวะและให้เต็มช่วง) พบว่า:

      ◾️จำนวนครั้ง (Quantity): ทำได้ประมาณ 20 ครั้ง (เทียบกับข้างซ้ายที่ทำได้ 28 ครั้ง และค่า Median ในงานวิจัยที่ประมาณ 24-25 ครั้ง) --> ดูเหมือนความทนทานจะน้อยกว่าอีกข้างและค่าเฉลี่ยเล็กน้อย

      ◾️คุณภาพ (Quality): สังเกตเห็นว่าตั้งแต่ประมาณครั้งที่ 15 เป็นต้นไป ความสูงของการยกส้นเริ่มลดลง, เริ่มมี เท้าบิดออกด้านนอก (Eversion/Pronation) มากขึ้น, และ สะโพกฝั่งตรงข้ามเริ่มมีอาการตก (Pelvic drop) เล็กน้อยเพื่อช่วยยก --> แสดงว่าคุณภาพการเคลื่อนไหวเริ่มเสียไป แม้จะยังทำจำนวนครั้งต่อได้

    ◾️การประเมินด้วย NMI/NKT (NeuroMuscular Integration/NeuroKinetic Therapy): จากการสังเกตการเคลื่อนไหวที่ชดเชย (Compensation) และประวัติการเจ็บซ้ำๆ ทำให้สงสัยว่าอาจมีภาวะ Muscle Imbalance หรือการทำงานที่ไม่สมดุลกันของกล้ามเนื้อ จึงทำการทดสอบ:

      ◾️ทดสอบกำลังกล้ามเนื้อน่องหลัก (Gastrocnemius & Soleus): พบว่า อ่อนแรงกว่าที่ควรจะเป็น (Inhibited) เมื่อเทียบกับข้างซ้าย หรือเมื่อเทียบกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออื่นๆ ของเจ้าตัว

      ◾️ทดสอบกล้ามเนื้อที่อาจทำงานชดเชย (Compensators/Facilitated): พบว่ากล้ามเนื้อ Peroneals (ด้านข้างน่อง) และ Tibialis Posterior (ที่อาจพยายามคุมการบิดของเท้า) มีลักษณะ ตึงตัวและทำงานมากเกินไป (Facilitated) นอกจากนี้ยังพบว่ากล้ามเนื้อ Gluteus Medius ข้างซ้าย (ที่ควรจะคุมสะโพกตก) อาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่ (Inhibited)

 ◾️การวินิจฉัยทางกายภาพบำบัด: สงสัยภาวะ Recurrent Calf Strain / Achilles Tendinopathy ที่สัมพันธ์กับ Muscle Imbalance Pattern โดยมีการ Inhibition ของกล้ามเนื้อน่องหลัก (Gastrocnemius/Soleus) และมีการ Facilitation/Compensation จากกล้ามเนื้อ Peroneals/Tibialis Posterior และอาจรวมถึงการทำงานที่บกพร่องของกล้ามเนื้อควบคุมสะโพกฝั่งตรงข้าม

 ◾️การรักษาด้วย NMI/NKT และกายภาพบำบัด:

- ขั้นตอนที่ 1 (Release): ใช้เทคนิค Manual therapy หรือเทคนิคเฉพาะทาง เพื่อ คลายกล้ามเนื้อที่ทำงานมากเกินไป (Facilitated) เช่น คลาย Peroneals, Tibialis Posterior

- ขั้นตอนที่ 2 (Activate): ใช้เทคนิคเฉพาะทางเพื่อ กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อที่ถูกยับยั้ง (Inhibited) เช่น กระตุ้น Gastrocnemius/Soleus ข้างขวา และ Gluteus Medius ข้างซ้าย

- ขั้นตอนที่ 3 (Integrate/Re-program):

      ◾️Re-test: ทดสอบกำลัง Gastrocs/Soleus หรือท่า Calf Raise อีกครั้งทันทีหลัง

      ◾️Release/Activate -> พบว่าสามารถเกร็งกล้ามเนื้อน่องได้ดีขึ้น หรือทำ Calf raise ได้สูงขึ้น/มั่นคงขึ้นทันที

      ◾️Prescribe Exercise: ออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายที่เน้น คุณภาพ มากกว่าปริมาณ เริ่มจากการฝึก Calf raise ช้าๆ เน้นความสูง และการควบคุมที่ดี อาจเริ่มจาก 2 ขา -> ขาเดียว -> เพิ่ม Load/ความเร็ว ตามลำดับ พร้อมทั้งให้การบ้านเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อที่ Inhibited และยืดเหยียดกล้ามเนื้อที่ Facilitated ต่อเนื่อง

      ◾️ฝึกการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เช่น การฝึกควบคุมสะโพกและแกนกลางลำตัว

 ผลลัพธ์ : หลังจากได้รับการรักษาด้วย NMI/NKT เพื่อปรับสมดุลกล้ามเนื้อ และฝึก Calf raise โดยเน้นคุณภาพตามโปรแกรมที่ออกแบบใหม่ คุณปอสามารถทำ Calf raise ข้างขวาได้จำนวนครั้งมากขึ้น โดยที่ยังคงความสูงและเทคนิคที่ดีได้นานขึ้น อาการเจ็บตึงน่อง/เอ็นร้อยหวายลดลง และสามารถกลับไปวิ่งได้โดยไม่เจ็บซ้ำ

 💭ข้อสังเกต: เคสนี้ชี้ให้เห็นว่า การดูแค่ "จำนวนครั้ง" ของ Calf raise อาจไม่เพียงพอ การสังเกต "คุณภาพ" และการประเมินหา "Muscle Imbalance" (เช่น ด้วยแนวคิด NMI/NKT) สามารถช่วยให้เราเข้าใจต้นตอของปัญหาที่แท้จริง และออกแบบการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น โดยเฉพาะในรายที่มีอาการเรื้อรังหรือเป็นซ้ำๆ การ "ปลุก" กล้ามเนื้อที่หลับ และ "กล่อม" กล้ามเนื้อที่ทำงานหนักเกินไป อาจเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูครับ

♥️References

 🔸Visser TSS, Neill SO, Hébert-Losier K, Eygendaal D, de Vos RJ. Normative values for calf muscle strength-endurance in the general population assessed with the Calf Raise Application: A large international cross-sectional study. Brazilian Journal of Physical Therapy. 2025 Feb 27;29(3):101188. doi: 10.1016/j.bjpt.2025.101188. Epub ahead of print. PMID: 40020545.


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพ มี 2 สาขา

!!ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!

📌สาขา เยาวราช

-แผนที่ : https://g.co/kgs/kXSEbT

-โทร : 080 425 9900


📌สาขา เพชรเกษม81

-แผนที่ : https://g.co/kgs/MVhq7B

-โทร : 094 654 2460

 
 
 

Comments


Our Partner

สาขาเพชรเกษม 81
  • facebook
  • generic-social-link
  • generic-social-link

256/1 ซอยวุฒิสุข (ข้างสน.หนองแขม) เพชรเกษม 81, หนองแขม, กทม. 10160

สาขาเยาวราช
  • facebook
  • generic-social-link
  • generic-social-link

9 ถนนพระรามที่ ๔ แขวง ป้อมปราบ

เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
(อยู่ติดแยกหมอมี)

เวลาทำการ : จันทร์ - อาทิตย์ 9.00 น. - 20.00 น.

©2019 by JR Physio Clinic. Proudly created with Wix.com

bottom of page