top of page

😊 Dr. W EP. 197 Part 1: "ฟื้นฟูเอ็นไขว้หน้า (ACL)... กี่เดือนถึงกลับไปเล่นกีฬาได้? 🗓️ ทลายความเชื่อเรื่อง 'Timeline'!"

ree

สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! หนึ่งในคำถามที่ผมได้ยินบ่อยที่สุดจากคนไข้หลังผ่าตัดสร้างเอ็นไขว้หน้าใหม่ (ACLR) ก็คือ "หมอครับ/คะ อีกกี่เดือนถึงจะกลับไปวิ่ง/เตะบอล/เล่นบาสได้?" และคำตอบที่หลายคนมักจะได้ยินหรือคาดหวังก็คือ "ประมาณ 9 เดือน" หรือ "1 ปี"


แต่ในความเป็นจริงแล้ว การยึดติดกับตัวเลขบน "ปฏิทิน" เพียงอย่างเดียว เป็นแนวคิดที่ค่อนข้างล้าสมัยและอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการบาดเจ็บซ้ำได้ครับ!


ดูรูป Timeline ของการเดินทางที่ยาวไกลนี้ แต่หัวใจสำคัญที่ซ่อนอยู่ไม่ใช่ตัวเลขเดือน แต่เป็นคำว่า "Criteria-based" หรือ "การอิงตามเกณฑ์ความสามารถ" ครับ


🤔 ปัญหาของการยึดติดกับ 'ปฏิทิน' (The Problem with Calendar-Based Rehab)

➡️ ทุกคนไม่เหมือนกัน: ร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อการผ่าตัดและการฟื้นฟูไม่เท่ากันครับ บางคนอาจฟื้นตัวเร็ว บางคนอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้น การกำหนดว่าทุกคนจะพร้อมที่ 9 เดือนเท่ากันจึงไม่สมเหตุสมผล


➡️ สร้างความรู้สึกปลอดภัยที่ผิดๆ (False Sense of Security): นักกีฬาอาจจะคิดว่า "โอเค ครบ 9 เดือนแล้ว กลับไปเล่นได้เลย!" ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ, การควบคุมการเคลื่อนไหว, หรือความมั่นใจทางจิตใจอาจจะยังไม่พร้อมเลย การกลับไปเล่นในสภาพนี้คือการเพิ่มความเสี่ยงในการบาดเจ็บซ้ำอย่างมหาศาล


➡️ กระตุ้นให้เกิดการ 'ข้ามขั้นตอน': การมี "เส้นตาย" ที่ชัดเจน อาจทำให้นักกีฬาและผู้ดูแลพยายามเร่งรัดกระบวนการฟื้นฟูให้ทันตามกำหนด โดยที่ยังไม่ทันได้สร้างพื้นฐานในแต่ละระยะให้แข็งแรงพอ


✅ แนวทางที่ถูกต้อง: การเดินทางที่อิงตาม 'เกณฑ์ความสามารถ' (The Modern Approach: A Criteria-Based Journey)


ไทม์ไลน์ที่เห็นในภาพควรถูกมองเป็นเพียง "กรอบเวลาชีวภาพ" ที่บอกว่าเนื้อเยื่อ (Graft) ของเราต้องใช้เวลาประมาณเท่าไหร่ในการซ่อมสร้างและปรับตัว แต่การจะ "ผ่าน" ไปสู่ระยะต่อไปได้นั้น นักกีฬาจะต้อง "สอบผ่าน" เกณฑ์ความสามารถต่างๆ ของแต่ละระยะเสียก่อนครับ

มาดูรายละเอียดของแต่ละเฟสกันครับ:


➡️ Phase 1: 0–3 Months (Early Rehab - ระยะฟื้นฟูช่วงแรก)

เป้าหมายหลัก: ในช่วงนี้เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่การรีบกลับไปวิ่ง แต่อยู่ที่การ สร้างพื้นฐานที่แข็งแรง ครับ คือ:

- ลดอาการปวดและบวม

- ฟื้นฟูองศาการเคลื่อนไหว (ROM) ให้กลับมาเต็มที่ (โดยเฉพาะการ เหยียดเข่าให้สุด (Full Extension) สำคัญมาก!)

- ​"ปลุก" การทำงานของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) ที่มักจะ "หลับ" หรือถูกยับยั้งไปหลังผ่าตัด (Arthrogenic Muscle Inhibition) และค่อยๆ เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง (Hamstrings) อย่างปลอดภัย

- ฟื้นฟูรูปแบบการเดินให้กลับมาเป็นปกติ

เกณฑ์เพื่อไปต่อ (Example Criteria): เข่าเหยียดสุดได้เท่าข้างดี, งอได้เต็มที่, ไม่มีอาการบวม, สามารถเกร็งกล้ามเนื้อ Quadriceps ได้ดี (Good quad control), เดินปกติโดยไม่กะเผลก


➡️ Phase 2: 3–6 Months (Initial Return to Activity - ระยะกลับสู่กิจกรรมเบื้องต้น)

เป้าหมายหลัก: เมื่อพื้นฐานดีแล้ว เฟสนี้จะเน้นการ สร้างฐานความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาทั้งหมด, เริ่มฝึกการเคลื่อนไหวในหลายระนาบ (Multi-planar movement), และค่อยๆ แนะนำการฝึกกระโดดเบื้องต้น (Plyometric introduction) อย่างปลอดภัย

เกณฑ์เพื่อไปต่อ: ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาข้างที่ผ่าตัดต้องกลับมาได้อย่างน้อย 80-90% เมื่อเทียบกับข้างดี, การทรงตัวขาเดียวดีเยี่ยม, สามารถทำท่ากระโดดพื้นฐานได้ด้วยฟอร์มที่ถูกต้องและไม่เจ็บ


➡️ Phase 3: 6–12 Months (Graft Maturation - ระยะที่เส้นเอ็นใหม่แข็งแรงขึ้น)

เป้าหมายหลัก: นี่คือช่วงเวลาที่สำคัญมากที่ เส้นเอ็นที่ผ่าตัดสร้างใหม่ (Graft) กำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างและเพิ่มความแข็งแรง (Remodeling and Revascularization) การออกกำลังกายในเฟสนี้จะมีความเข้มข้นสูงขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ Graft ปรับตัว และจะเริ่มมีการฝึกทักษะที่จำเพาะต่อกีฬามากขึ้น

จุด 9 เดือน: ที่เรามักจะได้ยินกันว่าเป็นเวลาที่ "กลับไปเล่นได้" จริงๆ แล้วมันคือ "ระยะเวลาขั้นต่ำ" ที่ Graft จะมีความแข็งแรงพอสมควร แต่จะกลับไปเล่นได้ก็ต่อเมื่อ "สอบผ่านเกณฑ์ความสามารถทั้งหมดของเฟสก่อนหน้าแล้วเท่านั้น" ไม่ใช่การได้ไฟเขียวอัตโนมัติ!


➡️ Phase 4: 12–24 Months (Return to Sport & Performance - ระยะกลับไปเล่นกีฬาและสมรรถภาพสูงสุด)

เป้าหมายหลัก: กลับไปเล่นกีฬาได้อย่างมั่นใจ, มีสมรรถภาพสูงสุด, และมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำน้อยที่สุด

เกณฑ์: ต้องผ่าน ชุดการทดสอบสมรรถภาพเพื่อการกลับไปเล่นกีฬา (Return-to-sport testing battery) ที่ครอบคลุมทั้งความแข็งแรง, การกระโดดในรูปแบบต่างๆ, ความคล่องตัว, และที่สำคัญคือ ความมั่นใจทางจิตใจ

ทำไมถึงอาจจะนานถึง 2 ปี?: มีงานวิจัยจำนวนมากที่ชี้ว่า แม้นักกีฬาหลายคนจะ "กลับสู่สนาม (Return to Play)" ได้ที่ 9-12 เดือน แต่การจะกลับไปสู่ "ระดับฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดเท่าเดิมก่อนเจ็บ (Return to Performance)" นั้น อาจจะต้องใช้เวลานานถึง 2 ปี เลยทีเดียวครับ!


​💪 หัวใจของการฟื้นฟู ACL: เลือกท่าออกกำลังกายให้ถูก!

​สำหรับผู้ป่วยที่มีการบาดเจ็บของเอ็นไขว้หน้า (ACL) การเลือกท่าออกกำลังกายที่เน้นกล้ามเนื้อที่ถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะกล้ามเนื้อแต่ละส่วนจะทำหน้าที่เป็น "ตัวป้องกันแบบไดนามิก (Dynamic Stabilizer)" ที่แตกต่างกันไปครับ


​➡️ ทำไมต้องเน้น Hamstrings เป็นพิเศษ? (ACL Injury: Hamstring is King!)

​เหตุผลทางชีวกลศาสตร์: เอ็นไขว้หน้า (ACL) ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กระดูกหน้าแข้ง (Tibia) เคลื่อนมา "ด้านหน้า" มากเกินไป... และกล้ามเนื้อ Hamstrings (กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง) เมื่อหดตัวจะช่วย "ดึง" กระดูกหน้าแข้งให้ไป "ด้านหลัง" ซึ่งเป็นการออกแรงในทิศทางตรงกันข้ามพอดี!

​การเสริมสร้าง Hamstrings ให้แข็งแรงจึงเปรียบเสมือนการสร้าง "เอ็นไขว้หน้าที่มีชีวิต (Living ACL)" ขึ้นมาช่วยพยุงข้อเข่า ลดแรงเฉือนที่กระทำต่อเอ็นที่สร้างขึ้นใหม่ และลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บซ้ำ


​➡️ แล้ว Quadriceps (กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า) ล่ะ? ต้องระวังอะไร?

​ต้องฝึกด้วย "ความระมัดระวัง" ครับ! โดยเฉพาะในระยะแรก

​เหตุผลทางชีวกลศาสตร์: การออกกำลังกายที่เน้น Quadriceps ในท่า Open-Chain (เช่น ท่านั่งเตะขา - Leg Extension) โดยเฉพาะในช่วงที่เหยียดเข่าเกือบสุด จะสร้างแรงดึงกระดูกหน้าแข้งมา "ด้านหน้า" ซึ่งเป็นแรงเฉือนที่อาจเป็นอันตรายต่อเอ็นไขว้หน้าที่ยังไม่แข็งแรงพอ (จริงๆ ใช้ open chain exercise ได้ ถ้าอยู่ในจังหวะที่เหมาะสม ติดตามอ่านใน EP 197 Part2)

​ท่าที่เหมาะสม: จึงควรเน้นการฝึก Quadriceps ในท่า Closed-Chain (เช่น Squats, Leg Press, Step-ups) ในช่วงมุมที่ไม่ลึกเกินไปในช่วงแรก เพราะท่าเหล่านี้จะมีการหดตัวร่วมของ Hamstrings ช่วยพยุงข้อเข่าได้ดีกว่า

​ทำไมต้องปลุก Quadriceps?: หลังการผ่าตัดหรือบาดเจ็บที่เข่ารุนแรง จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "Arthrogenic Muscle Inhibition" ซึ่งคือการที่สมอง "สั่งปิด" หรือ "ลดคำสั่ง" ที่ส่งไปยังกล้ามเนื้อ Quadriceps เพื่อป้องกันข้อเข่าที่กำลังบอบช้ำ ซึ่งเป็นกลไกป้องกันตัวของร่างกาย แต่ก็เป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการฟื้นฟูระยะแรกครับ การ "ปลุก" ให้ Quad กลับมาทำงานได้อีกครั้งจึงเป็นสิ่งจำเป็น


​➡️ ตัวอย่างท่าเน้น Hamstrings สำหรับ ACL Injury:

​Hamstring Curls (แบบนอนคว่ำ)

​Glute Bridge

​Romanian Deadlift (RDL)


💡 Dr. W's Take: ข้อคิดจาก Dr. W

➡️ "เวลาช่วยเยียวยา แต่เวลาไม่ใช่นักกายภาพบำบัด" (Time is a healer, but it's not a therapist): เวลาช่วยให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเองตามชีวภาพ แต่การฟื้นฟู "Function" หรือ "การทำงาน" ของร่างกาย ต้องมาจากการออกกำลังกายที่มีคุณภาพและเป็นขั้นตอน


➡️ ท่องประโยคนี้ไว้เลยครับ: "ทำตามเกณฑ์ให้ผ่าน อย่าสักแต่ว่านับเดือน" (Meet the markers, don't just mark the months): ความพร้อมของร่างกายสำคัญกว่าตัวเลขบนปฏิทินเสมอ


➡️ การฟื้นฟูคือการทำงานเป็นทีม: ต้องอาศัยความมุ่งมั่นจากตัวนักกีฬา, การนำทางที่ถูกต้องจากนักกายภาพบำบัด, และความอดทนที่ได้รับการสนับสนุนจากศัลยแพทย์


➡️ ความพร้อมทางจิตใจสำคัญไม่แพ้ร่างกาย: นักกีฬาที่ร่างกายแข็งแรงแต่ยังคงมีความกลัวการเคลื่อนไหว ก็ยังมีความเสี่ยงสูงต่อการบาดเจ็บซ้ำครับ


✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก: เมื่อ "ปฏิทิน" ไม่ใช่คำตอบของการฟื้นฟู ACL ✨

"น้องวิน" นักฟุตบอลเยาวชนวัย 17 ปี ผู้มีความฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ได้รับการผ่าตัดสร้างเอ็นไขว้หน้าใหม่ (ACLR) ที่เข่าข้างขวา และได้มาทำกายภาพบำบัดที่คลินิก ในช่วงประมาณ 6 เดือนหลังการผ่าตัด


การประเมิน (Assessment):

➡️ Subjective (อาการและการรับรู้ของผู้ป่วย):

น้องวินมีความมุ่งมั่นและขยันในการทำกายภาพฯ มาก แต่ก็มีความกดดันสูงเช่นกัน เขาเล่าว่า: "โค้ชบอกว่าผมต้องรีบฟิตให้ทันเปิดฤดูกาลหน้าครับ ซึ่งมันก็ประมาณ 9 เดือนหลังผ่าตัดพอดี เพื่อนผมที่เคยเจ็บแบบเดียวกันก็กลับไปเล่นได้ตอน 9 เดือน ผมต้องทำให้ได้ครับ"

เขารู้สึกว่าเข่า "โอเค" ในชีวิตประจำวัน แต่ลึกๆ แล้วยอมรับว่า "ยังรู้สึกกลัวๆ" เวลาคิดถึงจังหวะที่ต้องสปรินท์แล้วหยุดกะทันหัน หรือการบิดตัวเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้


➡️ Objective (การตรวจร่างกาย - โดยไม่ยึดติดกับปฏิทิน):

ไม่ได้สนใจว่านี่คือเดือนที่ 6 แต่ทำการ ทดสอบสมรรถภาพทางกายตามเกณฑ์ (Criteria-Based Testing) และพบว่า:

ROM (องศาการเคลื่อนไหว): ทำได้เต็มช่วง -> ผ่าน! ✅

Strength (ความแข็งแรง): เมื่อทดสอบกำลังกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) ด้วยเครื่องวัดแรง (Dynamometer) พบว่ากำลังของขาข้างที่ผ่าตัดยังอยู่ที่ 70% เมื่อเทียบกับข้างที่ดี (Limb Symmetry Index - LSI = 70%) -> ยังไม่ผ่าน! (เกณฑ์มักจะอยู่ที่ >90%)

Functional Tests: การกระโดดขาเดียวไปข้างหน้า (Single-leg hop for distance): LSI อยู่ที่ 75% -> ยังไม่ผ่าน!

Psychological Readiness: ให้ทำแบบสอบถามความพร้อมทางจิตใจ (เช่น ACL-RSI) ได้คะแนนค่อนข้างต่ำ ซึ่งยืนยันความรู้สึก "กลัว" ที่เขาได้บอกไว้


➡️ NKT/NMI Assessment:

พบการทำงานที่ถูกยับยั้ง (Inhibited) ของกล้ามเนื้อ Quadriceps (โดยเฉพาะ VMO) และ Gluteus Medius ข้างที่ผ่าตัด

ร่างกายมีการใช้กลยุทธ์ชดเชยโดยการทำงานที่หนักเกินไป (Facilitated) ของกล้ามเนื้อ Hamstrings (Hamstring dominance)


แผนการรักษา (Intervention Plan - เปลี่ยนโฟกัสจาก "ปฏิทิน" สู่ "เกณฑ์ความสามารถ" และ "ชีวกลศาสตร์"):

🧠 1. Pain Science Education (PSE) & The Timeline Discussion - สำคัญที่สุด!

- การสนทนาที่อาจจะยาก แต่จำเป็น:

Dr W: "น้องวินครับ จากผลการทดสอบในวันนี้ พี่ต้องบอกตรงๆ ว่าร่างกายของเรา 'ยังไม่พร้อม' ที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลในอีก 3 เดือนข้างหน้าตามไทม์ไลน์ 9 เดือนที่เราคาดหวังกันครับ"


- ให้ความรู้เชิงชีวกลศาสตร์:

"ไทม์ไลน์ 9 เดือนเป็นแค่กรอบเวลาคร่าวๆ ครับ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการฟื้นฟู 'Function' ที่ถูกต้อง"


- อธิบายบทบาทของกล้ามเนื้อ: "เอ็นไขว้หน้า (ACL) ที่เราทำมาใหม่ มันทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้กระดูกหน้าแข้งเลื่อนมา 'ข้างหน้า' มากไป... ข่าวดีคือเรามี 'ผู้ช่วย' ที่ดีที่สุดในร่างกายเราครับ นั่นคือ 'กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง หรือ Hamstrings' "


- "ทุกครั้งที่ Hamstrings หดตัว มันจะช่วย 'ดึง' กระดูกหน้าแข้งไปข้างหลัง ซึ่งเป็นการ 'ช่วยปกป้อง' เอ็น ACL ใหม่ของเราโดยตรงเลยครับ ดังนั้น การสร้าง Hamstrings ให้แข็งแรงจึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ในการป้องกันการเจ็บซ้ำ"


- "ส่วนกล้ามเนื้อหน้าขา (Quadriceps) ก็สำคัญ แต่เราต้องฝึกอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะท่าเตะขา (Leg Extension) ในช่วงแรก เพราะมันจะไปสร้างแรงดึงที่เอ็นใหม่ของเราได้ครับ"


- ปรับเปลี่ยนเป้าหมายร่วมกัน:

"เป้าหมายของเราไม่ใช่การ 'กลับให้ทัน' แต่คือการ 'กลับไปอย่างแข็งแกร่งและปลอดภัย' โดยมี Hamstrings เป็นเหมือน 'บอดี้การ์ด' ส่วนตัวของเข่าครับ"


📈 2. Load Management:

วางแผนการฝึกซ้อมโดยอิงตามความสามารถปัจจุบัน ห้ามมีการซ้อมแบบปะทะโดยเด็ดขาด


⚙️ 3. NKT/NMI Corrective Strategy:

- Release: คลายกล้ามเนื้อ Hamstrings ที่ทำงานหนักเกินไปในฐานะ "ตัวชดเชย"

- Activate: ปลุกการทำงานของ Quadriceps (VMO) และ Gluteus Medius ที่ "หลับ" อยู่ด้วยท่าฝึกเฉพาะเจาะจง เพื่อให้กล้ามเนื้อกลับมาทำงานอย่างสมดุล


💪 4. Criteria-Based Progressive Program (โปรแกรมที่มุ่งสู่การ "สอบผ่าน"):

Phase 1 (ปัจจุบัน - เน้นสร้างฐานความแข็งแรงและความสมดุล):

เป้าหมายหลัก: ทำให้ LSI ของ Quadriceps และ Hamstrings สูงกว่า 90% ให้ได้

โปรแกรมการฝึกจะเน้นที่:

Hamstring Strengthening (เน้นเป็นพิเศษ):

- Hamstring Curls: ทั้งแบบนอนคว่ำและนั่ง

- Glute Bridges & Hip Thrusts: เพื่อสร้างความแข็งแรงของทั้งก้นและ Hamstrings

- Romanian Deadlifts (RDLs): ฝึกการทำงานของ Hamstrings และ Glutes ในท่าที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริง

Safe Quadriceps Strengthening:

- เน้นท่า Closed-Chain เช่น Squats, Leg Press, Step-ups โดยควบคุมช่วงการเคลื่อนไหวให้เหมาะสมและปลอดภัย


Phase 2 (เมื่อความแข็งแรงผ่านเกณฑ์):

- เริ่มโปรแกรม Plyometrics และ Neuromuscular control ที่เข้มข้นขึ้น เช่น การฝึกกระโดดลงพื้น, การเปลี่ยนทิศทาง โดยเน้นการลงพื้นด้วยกลไกที่ถูกต้อง (ใช้สะโพกและ Hamstrings ช่วยซับแรง)


Phase 3 (Return to Sport):

- เมื่อ วินสามารถผ่านชุดการทดสอบสมรรถภาพทั้งหมดได้ และคะแนนความพร้อมทางจิตใจสูงขึ้น เมื่อนั้น เขาจึงจะพร้อมที่จะเริ่มกลับไปซ้อมกับทีมอย่างเป็นขั้นตอน


ผลลัพธ์ (Outcome):

การสนทนาที่เน้นชีวกลศาสตร์ช่วยให้วินเข้าใจ "เหตุผล" ที่ต้องฝึกแต่ละท่า และเปลี่ยนโฟกัสจากการ "เร่งรีบ" ไปสู่การ "สร้างร่างกายให้พร้อม"

อาจจะต้องใช้เวลาถึง 12 เดือน กว่าที่วินจะสามารถผ่านเกณฑ์ทั้งหมดได้ แต่เมื่อเขากลับสู่สนาม เขากลับไปในสภาพที่:

ร่างกายแข็งแรงสมมาตร โดยมี Hamstrings ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

มีกลไกการเคลื่อนไหวที่ปลอดภัย และมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บซ้ำลดลงอย่างมาก

และที่สำคัญคือ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม


ข้อสังเกต: เคสนี้แสดงให้เห็นว่าการฟื้นฟู ACL ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่การทำตามปฏิทิน แต่คือการทำความเข้าใจ "บทบาท" ของกล้ามเนื้อแต่ละมัด และออกแบบโปรแกรมที่ "จำเพาะ" ต่อการบาดเจ็บนั้นๆ การสร้าง "บอดี้การ์ด" ที่แข็งแกร่งอย่าง Hamstrings คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้นักกีฬากลับไปสู่สนามได้อย่างยั่งยืนและปลอดภัยครับ!


📖 References :

➡️ Grindem, H., Snyder-Mackler, L., Moksnes, H., et al. (2016). Simple decision rules can reduce reinjury risk by 84% after ACL reconstruction: the Delaware-Oslo ACL cohort study. British Journal of Sports Medicine, 50(13), 804-808.

➡️ Barber-Westin, S. D., & Noyes, F. R. (2011). Factors used to determine return to unrestricted sports activities after anterior cruciate ligament reconstruction. Arthroscopy: The Journal of Arthroscopic & Related Surgery, 27(12), 1697-1705.

➡️ Escamilla, R. F., et al. (2012). Anterior cruciate ligament strain and tensile forces for weight-bearing and non-weight-bearing exercises: a guide to exercise selection. Journal of Orthopaedic & Sports Physical Therapy, 42(3), 208-220.

➡️ Hewett, T. E., et al. (2005). Biomechanical measures of neuromuscular control and valgus loading of the knee predict anterior cruciate ligament injury risk in female athletes: a prospective study. The American Journal of Sports Medicine, 33(4), 492-501.

➡️ Neumann, D. A. (2016). Kinesiology of the Musculoskeletal System: Foundations for Rehabilitation (3rd ed.). Elsevier.


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพ มี 2 สาขา

!!ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!

📌สาขา เยาวราช

-แผนที่ : https://g.co/kgs/kXSEbT

-โทร : 080 425 9900


📌สาขา เพชรเกษม81

-แผนที่ : https://g.co/kgs/MVhq7B

-โทร : 094 654 2460

 
 
 

ความคิดเห็น


Our Partner

สาขาเพชรเกษม 81
  • facebook
  • generic-social-link
  • generic-social-link

256/1 ซอยวุฒิสุข (ข้างสน.หนองแขม) เพชรเกษม 81, หนองแขม, กทม. 10160

สาขาเยาวราช
  • facebook
  • generic-social-link
  • generic-social-link

9 ถนนพระรามที่ ๔ แขวง ป้อมปราบ

เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
(อยู่ติดแยกหมอมี)

เวลาทำการ : จันทร์ - อาทิตย์ 9.00 น. - 20.00 น.

©2019 by JR Physio Clinic. Proudly created with Wix.com

bottom of page