😊 Dr. W EP. 150: "แกะรอย X-ray เข่า! 🦴 ส่องชัดๆ Landmark สำคัญ บอกอะไรเราได้บ้าง?"
- Werachart Jaiaree
- 4 ก.ย.
- ยาว 4 นาที

สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! "อาการปวดเข่า" เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย และหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานที่แพทย์มักจะใช้ในการประเมินเบื้องต้นก็คือ "ภาพถ่ายรังสีเอกซ์ (X-ray)" นั่นเองครับ การที่เราพอจะเข้าใจว่าจุดต่างๆ ที่เห็นในภาพ X-ray คือส่วนไหนของกระดูก ก็จะช่วยให้เราเข้าใจภาวะของตัวเองและคำอธิบายจากคุณหมอหรือนักกายภาพบำบัดได้ดียิ่งขึ้นครับ
วันนี้เราจะมาสำรวจจุดสังเกตสำคัญ (Anatomical Landmarks) ของกระดูกข้อเข่าที่เห็นได้จากภาพ X-ray ในท่าตรง (Anterior-Posterior view หรือ AP view) กันครับ โดยอ้างอิงจากภาพประกอบที่ให้มาเลยนะครับ
🦴 ภาพ X-ray เข่านี้บอกอะไรเราบ้าง? (Decoding the Knee X-ray)
(จากภาพ X-ray ที่ให้มา เราสามารถมองเห็นกระดูกหลักๆ 3 ชิ้นคือ กระดูกต้นขา (Femur), กระดูกสะบ้า (Patella), และกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) รวมถึงส่วนบนของกระดูกน่อง (Fibula) ด้วยครับ)
➡️ 1. กระดูกต้นขา (Femur - ส่วนปลาย):
🍖 Medial Epicondyle (ปุ่มกระดูกด้านในของ Femur): เป็นปุ่มกระดูกทางด้านในของปลายกระดูกต้นขา เป็นจุดเกาะสำคัญของเอ็นยึดข้อเข่าด้านใน (Medial Collateral Ligament - MCL) และกล้ามเนื้อบางส่วน
🍖 Adductor Tubercle (ปุ่มเหนือ Medial Epicondyle): เป็นปุ่มเล็กๆ ที่อยู่เหนือต่อ Medial Epicondyle ขึ้นไปเล็กน้อย เป็นจุดเกาะของเอ็นกล้ามเนื้อ Adductor Magnus (กล้ามเนื้อหุบขามัดใหญ่)
🍖 Medial Femoral Condyle (ปุ่มข้อเข่าด้านในของ Femur): เป็นส่วนของปลายกระดูกต้นขาที่มีลักษณะกลมนูนทางด้านใน ทำหน้าที่เป็นพื้นผิวข้อต่อกับกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ด้านใน ผิวข้อส่วนนี้จะถูกคลุมด้วยกระดูกอ่อนข้อเข่า ซึ่งถ้ามีการสึกหรอก็จะนำไปสู่ภาวะข้อเข่าเสื่อมได้
🍖 Lateral Epicondyle (ปุ่มกระดูกด้านนอกของ Femur): เป็นปุ่มกระดูกทางด้านนอกของปลายกระดูกต้นขา เป็นจุดเกาะของเอ็นยึดข้อเข่าด้านนอก (Lateral Collateral Ligament - LCL) และเอ็นกล้ามเนื้อ Popliteus
🍖 Groove for Popliteus (ร่องสำหรับเอ็นกล้ามเนื้อ Popliteus): เป็นร่องเล็กๆ ที่อยู่บริเวณผิวด้านนอกของ Lateral Femoral Condyle เป็นทางผ่านของเอ็นกล้ามเนื้อ Popliteus
🍖 Lateral Femoral Condyle (ปุ่มข้อเข่าด้านนอกของ Femur): เป็นส่วนของปลายกระดูกต้นขาที่มีลักษณะกลมนูนทางด้านนอก ทำหน้าที่เป็นพื้นผิวข้อต่อกับกระดูกหน้าแข้ง (Tibia) ด้านนอก และเช่นกัน ผิวข้อส่วนนี้ก็มีกระดูกอ่อนคลุมอยู่
🍖 Intercondylar Fossa (แอ่งระหว่าง Condyles): เป็นแอ่งหรือร่องลึกที่อยู่ระหว่าง Medial และ Lateral Femoral Condyles บริเวณนี้เป็นจุดเกาะที่สำคัญของเอ็นไขว้หน้า (ACL) และเอ็นไขว้หลัง (PCL) (แต่ตัวเส้นเอ็นเองจะมองไม่เห็นในภาพ X-ray ปกติ)
➡️ 2. กระดูกสะบ้า (Patella):
🍳 Base (ฐานของกระดูกสะบ้า): เป็นส่วนบนที่กว้างของกระดูกสะบ้า เป็นจุดเกาะของเอ็นกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps tendon)
🍳 Apex (ยอดของกระดูกสะบ้า): เป็นส่วนปลายแหลมด้านล่างของกระดูกสะบ้า เป็นจุดเกาะของเอ็นลูกสะบ้า (Patellar tendon หรือ Patellar ligament)
กระดูกสะบ้าทำหน้าที่เหมือนลูกรอก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเหยียดเข่าของกล้ามเนื้อ Quadriceps และป้องกันผิวด้านหน้าของข้อเข่า ปัญหาที่พบบ่อยบริเวณนี้คือภาวะข้อเข่าด้านหน้าเสื่อม (Patellofemoral OA) หรืออาการปวดใต้ลูกสะบ้า (Patellofemoral Pain Syndrome - PFP)
➡️ 3. กระดูกหน้าแข้ง (Tibia - ส่วนบน):
🦵 Medial Tibial Plateau (พื้นผิวข้อเข่าด้านในของ Tibia): เป็นพื้นผิวข้อต่อด้านบนของกระดูกหน้าแข้งทางด้านใน มีลักษณะค่อนข้างแบนหรือเว้าเล็กน้อย รับกับ Medial Femoral Condyle บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านใน (Medial Meniscus)
🦵 Medial Tibial Condyle (ปุ่มกระดูกด้านในของ Tibia): เป็นส่วนที่นูนขึ้นมาของกระดูกหน้าแข้งด้านใน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Medial Tibial Plateau
🦵 Intercondylar Eminence / Tibial Spine (สันกระดูกและปุ่มหนามตรงกลาง Tibia): เป็นส่วนที่นูนขึ้นมาเป็นสันและมีปุ่มเล็กๆ (Tubercles) อยู่ตรงกลางระหว่าง Medial และ Lateral Tibial Plateau บริเวณนี้เป็นจุดเกาะที่สำคัญของเอ็นไขว้หน้า (ACL), เอ็นไขว้หลัง (PCL), และปลายของหมอนรองกระดูกทั้งสองข้าง
🦵 Lateral Tibial Plateau (พื้นผิวข้อเข่าด้านนอกของ Tibia): เป็นพื้นผิวข้อต่อด้านบนของกระดูกหน้าแข้งทางด้านนอก รับกับ Lateral Femoral Condyle และเป็นที่อยู่ของหมอนรองกระดูกข้อเข่าด้านนอก (Lateral Meniscus)
🦵 Lateral Tibial Condyle (ปุ่มกระดูกด้านนอกของ Tibia): เป็นส่วนที่นูนขึ้นมาของกระดูกหน้าแข้งด้านนอก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Lateral Tibial Plateau
🦵 Tibial Tuberosity (ปุ่มกระดูกหน้าแข้งด้านหน้า): เป็นปุ่มกระดูกที่นูนเด่นชัดอยู่ทางด้านหน้าตอนบนของกระดูกหน้าแข้ง เป็นจุดเกาะปลายของเอ็นลูกสะบ้า (Patellar tendon) ในเด็กวัยรุ่นที่กระดูกยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ บริเวณนี้อาจเกิดการอักเสบและปวดได้ เรียกว่า Osgood-Schlatter disease
➡️ 4. กระดูกน่อง (Fibula - ส่วนบน):
🦴 Head of Fibula (หัวกระดูก Fibula): เป็นส่วนบนสุดของกระดูกน่อง อยู่ทางด้านนอกของข้อเข่า มีข้อต่อเล็กๆ กับกระดูกหน้าแข้ง (Proximal Tibiofibular joint) และเป็นจุดเกาะของเอ็นยึดข้อเข่าด้านนอก (LCL) และเอ็นกล้ามเนื้อ Biceps Femoris (ส่วนหนึ่งของ Hamstrings) เส้นประสาท Common Peroneal Nerve จะทอดตัวอ้อมอยู่บริเวณคอของกระดูก Fibula ซึ่งถ้าบาดเจ็บอาจทำให้เกิดอาการเท้าตกได้
🦴 Neck (คอกระดูก Fibula): เป็นส่วนที่คอดเข้ามาอยู่ใต้ต่อ Head of Fibula
➡️ ข้อต่อที่มองเห็น (Joints Visible):
🔗 Medial Tibiofemoral Joint: ช่องว่างระหว่าง Medial Femoral Condyle กับ Medial Tibial Plateau (ด้านใน)
🔗 Lateral Tibiofemoral Joint: ช่องว่างระหว่าง Lateral Femoral Condyle กับ Lateral Tibial Plateau (ด้านนอก)
🔗 Tibiofibular Joint (Proximal): ข้อต่อระหว่างส่วนบนของ Tibia กับ Head of Fibula
(ข้อต่อ Patellofemoral หรือข้อระหว่างสะบ้ากับ Femur จะมองเห็นได้ไม่ชัดเจนในท่า AP แต่เราเห็นตัวกระดูกสะบ้าซ้อนอยู่ด้านหน้า Femur)
✅ X-ray บอกอะไรได้ และบอกอะไรไม่ได้บ้าง? (What X-rays Can & Cannot Show Well)
✅ ดีสำหรับดู: การเรียงตัวของกระดูก (Alignment), รอยแตกหรือหักของกระดูก (Fractures), ความแคบของช่องข้อ (Joint space narrowing - ซึ่งเป็นสัญญาณทางอ้อมของข้อเสื่อมหรือกระดูกอ่อนบางลง), กระดูกงอก (Bone spurs/Osteophytes), หรือข้อเคลื่อนหลุดบางชนิด (Dislocations)
❌ มองเห็นได้ไม่ดี หรือไม่เห็นเลย (เมื่อเทียบกับ MRI): เนื้อเยื่ออ่อนต่างๆ เช่น เส้นเอ็น (Ligaments - ACL, PCL, MCL, LCL), หมอนรองกระดูก (Menisci), ผิวกระดูกอ่อนโดยตรง (Cartilage), เอ็นกล้ามเนื้อ (Tendons), หรือภาวะการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆ
💡 Dr. W's Take: ข้อคิดจาก Dr. W
ภาพ X-ray เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากในการประเมินปัญหาข้อเข่าในเบื้องต้นครับ โดยเฉพาะการดูโครงสร้างกระดูกโดยรวม
การเข้าใจจุดสังเกต (Landmarks) ต่างๆ เหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพูดคุยและทำความเข้าใจคำอธิบายจากทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดได้ดียิ่งขึ้น
แต่อย่าลืมนะครับว่า X-ray เป็นเพียง "ส่วนหนึ่ง" ของจิ๊กซอว์ทั้งหมด การตรวจร่างกายทางคลินิกโดยละเอียด การซักประวัติ และการพิจารณาอาการของผู้ป่วย ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา และสิ่งที่เห็นใน X-ray (เช่น ข้อเข่าเสื่อมเล็กน้อย) ก็อาจจะพบได้ในคนที่ไม่มีอาการปวดเลยก็ได้ครับ (เหมือนที่เราเคยคุยกันใน EP 79 เรื่อง Imaging vs. Pain Disconnect)!
✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก: เมื่อ X-ray ช่วยชี้ทาง แต่กายภาพฯ คือหัวใจสำคัญในการฟื้นฟูเข่าเสื่อม ✨
คุณสมชาย อายุ 60 ปี ประกอบอาชีพค้าขาย ต้องยืนและเดินเป็นเวลานาน มาที่คลินิก ด้วยอาการปวดเข่าขวาด้านใน (Medial knee pain) มาประมาณ 1 ปี อาการปวดเป็นมากขึ้นเวลาเดินเยอะๆ ขึ้นลงบันได หรือนั่งยองๆ เคยไปพบแพทย์และได้ X-ray เข่า คุณหมอแจ้งว่าเป็น "ข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นถึงปานกลาง" คุณสมชายกังวลมากเพราะเห็นในฟิล์มว่า "ช่องข้อมันแคบลง" และกลัวว่าเข่าจะ "พัง" จนเดินไม่ได้
การประเมิน (Assessment):
➡️ Subjective:
ปวดเข่าขวาด้านใน VAS 5-7/10 เวลาเดินเกิน 30 นาที หรือขึ้นลงบันได รู้สึกเข่าฝืดตึงตอนเช้า หรือหลังนั่งนานๆ มีเสียงกรอบแกรบในเข่า
เริ่มหลีกเลี่ยงการเดินไกลๆ หรือขึ้นบันได ทำให้กิจวัตรประจำวันเปลี่ยนไป
ความเชื่อ/ความกังวล (Beliefs/Concerns): กังวลว่า "กระดูกมันเสียดสีกัน" เพราะช่องข้อมันแคบ กลัวว่าการขยับจะทำให้เสื่อมเร็วขึ้น ต้อง "ถนอมเข่า" โดยการไม่ใช้เยอะ
➡️ Objective (Clinical Exam):
Observation: อาจเห็นเข่าขวามีลักษณะโค้งออกเล็กน้อย (Mild varus alignment) หรือบวมเล็กน้อย
ROM: งอเข่า (Flexion) ได้ประมาณ 110 องศา (เทียบกับข้างซ้าย 130 องศา) พร้อมมีอาการปวดตึง, เหยียดเข่า (Extension) ได้เกือบสุด แต่ขาดไปประมาณ 5 องศา
Strength: กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า (Quadriceps) โดยเฉพาะส่วน VMO และกล้ามเนื้อสะโพกด้านข้าง (Hip abductors - Gluteus Medius) ของขาขวาอ่อนแรงกว่าข้างซ้ายชัดเจน
Palpation: กดเจ็บตามแนวข้อต่อด้านใน (Medial joint line)
Special tests: McMurray's test สำหรับหมอนรองกระดูกด้านในอาจให้ผลบวกเล็กน้อย
➡️ X-ray Review (ทบทวนภาพ X-ray ที่คุณสมชายนำมา - คล้ายกับภาพใน EP):
พบว่าช่องข้อเข่าด้านใน (Medial Tibiofemoral Joint space) ของเข่าขวา แคบลงเล็กน้อยถึงปานกลาง เมื่อเทียบกับช่องข้อด้านนอก และเทียบกับเข่าซ้าย
อาจเห็นมี กระดูกงอก (Osteophytes) เล็กๆ บริเวณขอบของ Medial Femoral Condyle และ Medial Tibial Condyle
กระดูกสะบ้า (Patella) และช่องข้อ Patellofemoral ดูปกติ ไม่พบรอยแตกหักของกระดูก
➡️ NKT/NMI Assessment (Neuromuscular Integration/Neurokinetic Therapy):
พบว่า Vastus Medialis Obliquus (VMO) และ Gluteus Medius ข้างขวา ทำงานได้ไม่ดี (Inhibited)
กล้ามเนื้อ Tensor Fascia Latae (TFL), Hamstrings (โดยเฉพาะส่วนใน - Medial Hamstrings), และ Adductors ข้างเดียวกัน ทำงานหนักเกินไป (Facilitated/Compensating) ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดแรงกดที่ข้อเข่าด้านในเพิ่มขึ้น และชดเชยการทำงานของกล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรง
แผนการรักษา (Treatment Plan - เน้นแนวทางองค์รวม):
🧠 1. Pain Science Education (PSE) & Reassurance (ให้ความรู้เรื่องความปวดและความมั่นใจ):
นำภาพ X-ray ของคุณสมชายมาอธิบายประกอบ โดยชี้ให้เห็น Landmark ต่างๆ และอธิบายว่า "ช่องข้อที่แคบลง" หรือ "กระดูกงอก" ที่เห็น เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการข้อเสื่อม ซึ่งเป็น "การสึกหรอและซ่อมแซม (Wear and Repair)" ที่เกิดขึ้นตามการใช้งานและอายุ ไม่ได้แปลว่า "กระดูกชนกัน" หรือ "เข่าจะพัง" เสมอไป
เน้นย้ำว่า ระดับความเสื่อมที่เห็นใน X-ray ไม่ได้สัมพันธ์กับระดับความเจ็บปวดเสมอไป (EP 79!) หลายคนมีข้อเสื่อมใน X-ray แต่ไม่มีอาการปวดเลยก็มี
อธิบายว่าอาการปวดส่วนใหญ่มาจากกล้ามเนื้อรอบเข่าที่อ่อนแรงหรือทำงานไม่สมดุล การอักเสบของเนื้อเยื่ออ่อน หรือความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ซึ่ง สิ่งเหล่านี้สามารถฟื้นฟูได้ด้วยกายภาพบำบัดและการออกกำลังกายที่ถูกต้อง
สร้างความเข้าใจว่า "Motion is Lotion" การเคลื่อนไหวที่เหมาะสมจะช่วยหล่อลื่นข้อต่อและนำสารอาหารมาเลี้ยงกระดูกอ่อนได้ดีขึ้น การ "ถนอมเข่า" โดยไม่ขยับเลยอาจทำให้อาการแย่ลง
จัดการกับความกลัวการเคลื่อนไหว และตั้งเป้าหมายการฟื้นฟูร่วมกัน
📈 2. Load Management & Activity Modification (การจัดการภาระงานและการปรับกิจกรรม):
แนะนำการปรับเปลี่ยนกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ลิฟต์แทนบันไดในช่วงที่ปวดมาก, การแบ่งเดินเป็นช่วงสั้นๆ สลับพัก, การหลีกเลี่ยงการนั่งยองๆ หรือคุกเข่า
หากมีภาวะน้ำหนักเกิน แนะนำเรื่องการควบคุมน้ำหนักเพื่อลดภาระที่ข้อเข่า
พิจารณาการใช้ไม้เท้าช่วยพยุง (Cane) ในข้างตรงข้ามกับเข่าที่ปวด เพื่อช่วยลดแรงกระทำต่อเข่าขณะเดิน
⚙️ 3. NKT/NMI Corrective Strategy (การแก้ไขความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ):
Release (คลายกล้ามเนื้อที่ตึง/ทำงานมากไป):
สอนเทคนิค Self-myofascial release สำหรับ TFL, Hamstrings, Adductors โดยใช้ Foam roller หรือลูกนวด
นักกายภาพฯ อาจทำ Manual therapy เช่น Soft tissue massage, Myofascial release เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อเหล่านี้
Activate (กระตุ้นกล้ามเนื้อที่ทำงานน้อย/ถูกยับยั้ง):
VMO activation: เช่น Quad sets with VMO focus, Short arc quads, Terminal knee extension with band
Gluteus Medius activation: เช่น Clamshells, Side-lying hip abduction, Glute bridges with band around knees
Integrate (ฝึกการทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อในท่าที่ซับซ้อนขึ้น):
ฝึกการถ่ายน้ำหนักและการทรงตัวบนขาข้างเดียว (Single leg stance)
ฝึก Mini-squats หรือ Sit-to-stand โดยเน้นการทำงานของ VMO และ Glutes และควบคุมแนวเข่าให้อยู่ในแนวเดียวกับปลายเท้า
🏋️♀️ 4. Tailored Exercise Program:
Low-Impact Aerobic: แนะนำการปั่นจักรยานอยู่กับที่ (Stationary cycling) โดยปรับเบาะให้สูงพอที่เข่าเหยียดได้เกือบสุด หรือการเดินในน้ำ (Aquatic exercise) ถ้ามีสระ
Strengthening:
Quadriceps: (ตามท่า Activate VMO) และค่อยๆ เพิ่มความยาก เช่น Leg press (ถ้ามีเครื่องและทำได้ไม่เจ็บ)
Hamstrings: Hamstring curls (ท่านอนคว่ำหรือยืน)
Hip Abductors & Extensors: (ตามท่า Activate Glutes) และเพิ่มความท้าทาย เช่น Standing hip abduction/extension with band
Calf muscles: Calf raises (สองขา -> ขาเดียว)
เน้นการทำช้าๆ ควบคุมได้ดี และค่อยๆ เพิ่มจำนวนครั้ง/เซต หรือเพิ่มแรงต้านเมื่อพร้อม
Range of Motion (ROM) Exercises: ฝึกงอ-เหยียดเข่าให้สุดเท่าที่ทำได้โดยไม่ปวดมาก เพื่อคงความยืดหยุ่นของข้อต่อ
Balance & Proprioception: ฝึกการทรงตัวบนพื้นผิวต่างๆ (ถ้าทำได้) เพื่อเพิ่มการรับรู้ข้อต่อ
ผลลัพธ์ (Outcome - หลังทำกายภาพบำบัดและออกกำลังกายสม่ำเสมอ 8-12 สัปดาห์):
อาการปวดเข่าขวาของคุณสมชายลดลงอย่างชัดเจน (VAS เหลือ 2-3/10 ในชีวิตประจำวัน)
องศาการงอ-เหยียดเข่าดีขึ้น อาการฝืดตึงตอนเช้าลดลง
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Quadriceps และ Hip abductors เพิ่มขึ้น
สามารถเดินได้ไกลขึ้น ขึ้นลงบันไดได้คล่องขึ้นโดยใช้มือน้อยลง
ความเข้าใจและความมั่นใจ: คุณสมชายมีความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะข้อเข่าเสื่อมของตัวเองมากขึ้น ไม่ได้มอง X-ray ด้วยความกังวลเหมือนเดิม เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถ "จัดการ" กับอาการได้ และมีความมั่นใจในการเคลื่อนไหวและทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น
ข้อสังเกต: เคสของคุณสมชายแสดงให้เห็นว่า แม้ภาพ X-ray จะบ่งชี้ภาวะข้อเข่าเสื่อมและช่องข้อที่แคบลง แต่การให้ความรู้ที่ถูกต้อง (PSE) เพื่อลดความกลัว, การจัดการ Load ที่เหมาะสม, การแก้ไขความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ (NKT/NMI), และการออกกำลังกายที่ "พอดี" กับผู้ป่วยแต่ละราย สามารถช่วยลดอาการปวดและฟื้นฟูการทำงานได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ป่วยกลับไปมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับภาพ X-ray เพียงอย่างเดียวครับ!
📖 References
➡️ Resnick, D. (2002). Diagnosis of Bone and Joint Disorders (4th ed.). Saunders.
➡️ Keats, T. E., & Rowe, L. (2004). Atlas of Normal Roentgen Variants That May Simulate Disease (8th ed.). Mosby.
➡️ Möller, T. B., & Reif, E. (2013). Pocket Atlas of Radiographic Anatomy (4th ed.). Thieme.
➡️ Standring, S. (Ed.). (2020). Gray's Anatomy: The Anatomical Basis of Clinical Practice (42nd ed.). Elsevier.
➡️ Brukner, P., & Khan, K. (2017). Brukner & Khan’s Clinical Sports Medicine: Injuries (5th ed., Vol. 1). McGraw-Hill Education.
➡️ Hinman, R. S., & Bennell, K. L. (2009). Advances in the management of knee osteoarthritis. Current Opinion in Rheumatology, 21(2), 162-167.
➡️ Felson, D. T., Niu, J., Guermazi, A., Roemer, F., Aliabadi, P., Clancy, M., ... & Lewis, C. E. (2013). Correlation of the development of knee pain with the development of magnetic resonance imaging-detected bone marrow lesions in a cohort study of asymptomatic older adults with risk factors for knee osteoarthritis. Arthritis & Rheumatology, 65(1), 102-109.










ความคิดเห็น