😊 Dr. W EP. 148: "เข่าเสื่อม... ออกกำลังกายช่วยได้จริงไหม? 🤔 Cochrane Review มีคำตอบ!"
- Werachart Jaiaree
- 4 ก.ย.
- ยาว 4 นาที

😊 Dr. W EP. 148: "เข่าเสื่อม... ออกกำลังกายช่วยได้จริงไหม? 🤔 Cochrane Review มีคำตอบ!"
สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! "ข้อเข่าเสื่อม" เป็นภาวะที่สร้างความเจ็บปวดและจำกัดการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้กับผู้คนนับล้านทั่วโลก หนึ่งในการรักษาหลักที่มักจะถูกแนะนำเป็นอันดับแรกๆ และมีบทบาทสำคัญก็คือ "การออกกำลังกาย (Exercise)"
แต่การออกกำลังกายมันช่วยได้มากน้อยแค่ไหน? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง? แล้วผลลัพธ์มันชัดเจนจนคนไข้รู้สึกได้จริงๆ หรือเปล่า? วันนี้เรามีข้อมูลจาก Cochrane Review โดย Lawford และคณะ (อ้างอิง Lawford et al.) ซึ่งเป็นการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม (Randomized Controlled Trials - RCTs) มากถึง 139 ชิ้น! มีผู้เข้าร่วมวิจัยรวมกันกว่า 12,468 คน! ถือเป็นหลักฐานระดับสูงที่น่าเชื่อถือมากครับ เรามาดูกันว่ารีวิวนี้สรุปว่าอย่างไรบ้าง
🧐 งานนี้เขาดูอะไรบ้างนะ? (What Did This Big Review Look At?)
Cochrane Review นี้มีจุดประสงค์เพื่อประเมิน "ประสิทธิภาพ (Effectiveness)" ของการออกกำลังกายสำหรับผู้ที่มีภาวะข้อเข่าเสื่อม
โดยดูผลลัพธ์หลักๆ 3 ด้าน คือ:
➡️ อาการปวด (Pain)
➡️ การใช้งานข้อเข่า/สมรรถภาพทางกาย (Physical Function)
➡️ คุณภาพชีวิต (Quality of Life)
📊 ผลลัพธ์หลัก: ออกกำลังกายช่วยเรื่องเข่าเสื่อมจริงไหม? (The Big Question: Does Exercise Actually Help Knee OA?)
➡️ การลดปวด (Pain Relief):
เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษาหรือการดูแลตามปกติ (No treatment/usual care): การออกกำลังกายช่วย ลดปวดได้เล็กน้อยถึงปานกลาง (ลดลงเฉลี่ย 13.1 คะแนน จากเต็ม 100 คะแนน)
เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมหลอกหรือการได้รับความสนใจ (Attention control/placebo): การออกกำลังกายช่วย ลดปวดได้เล็กน้อย (ลดลงเฉลี่ย 8.7 คะแนน)
เมื่อการออกกำลังกาย ทำร่วมกับวิธีการรักษาอื่น (เช่น การลดน้ำหนัก): ช่วย ลดปวดได้ปานกลาง (ลดลงเฉลี่ย 10.4 คะแนน)
➡️ การใช้งานข้อเข่า/สมรรถภาพทางกาย (Physical Function):
เมื่อเทียบกับการไม่ได้รับการรักษาหรือการดูแลตามปกติ: การออกกำลังกาย น่าจะช่วยให้การใช้งานดีขึ้น (ดีขึ้นเฉลี่ย 12.5 คะแนน จากเต็ม 100 คะแนน)
เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมหลอก: การออกกำลังกาย น่าจะช่วยให้การใช้งานดีขึ้น (ดีขึ้นเฉลี่ย 11.3 คะแนน)
เมื่อการออกกำลังกาย ทำร่วมกับวิธีการรักษาอื่น: ก็ยัง ช่วยให้การใช้งานดีขึ้น (ดีขึ้นเฉลี่ย 9.7 คะแนน)
➡️ คุณภาพชีวิต (Quality of Life):
ผลต่อคุณภาพชีวิตดูเหมือนจะ ค่อนข้างน้อย หรือแทบไม่แตกต่าง อย่างชัดเจน
เทียบกับไม่รักษา/ดูแลปกติ: ดีขึ้นเฉลี่ย 5.4 คะแนน
เทียบกับกลุ่มควบคุมหลอก: ดีขึ้นเฉลี่ย 6.1 คะแนน
เมื่อทำร่วมกับวิธีอื่น: ดีขึ้นเฉลี่ย 4.2 คะแนน
🤔 แล้วมัน "ดีขึ้น" พอที่คนไข้จะรู้สึกได้จริงๆ ไหม? - Clinical Relevance
ตรงนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมากครับ! แม้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการออกกำลังกายจะ "ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ" แต่คำถามคือ มันดีขึ้นมากพอที่คนไข้ส่วนใหญ่จะ "รู้สึกถึงความแตกต่างนั้นจริงๆ ในชีวิตประจำวัน" หรือไม่?
ในทางการแพทย์ เรามีสิ่งที่เรียกว่า "Minimal Clinically Important Difference (MCID)" หรือ "ระดับความแตกต่างที่มีความสำคัญทางคลินิกน้อยที่สุด" ซึ่งหมายถึงปริมาณการเปลี่ยนแปลงที่น้อยที่สุดที่ผู้ป่วยจะเริ่มรู้สึกได้จริงๆ
สำหรับข้อเข่าเสื่อม เกณฑ์ MCID ที่มักใช้อ้างอิงคือ:
อาการปวด: ประมาณ 12 คะแนน (จาก 100)
การใช้งาน: ประมาณ 13 คะแนน (จาก 100)
คุณภาพชีวิต: ประมาณ 15 คะแนน (จาก 100)
➡️ ประเด็นสำคัญ: ค่าเฉลี่ยการดีขึ้นที่พบจากการออกกำลังกายในรีวิวนี้ ส่วนใหญ่มักจะ "ต่ำกว่า" หรือ "ใกล้เคียง" กับเกณฑ์ MCID นี้!
นั่นหมายความว่า โดยเฉลี่ยแล้ว แม้การออกกำลังกายจะช่วยให้ดีขึ้น แต่ "ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคน" ที่จะรู้สึกว่ามันดีขึ้นอย่างชัดเจนจนชีวิตเปลี่ยนไป ประโยชน์ที่ได้อาจจะไม่ได้มากพอที่ทุกคนจะรับรู้ได้
⛑️ ความปลอดภัยล่ะ? (Safety First!)
การออกกำลังกาย "อย่างเดียว" โดยทั่วไปแล้ว ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ (Adverse events) อย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับการไม่ทำอะไรเลยหรือกลุ่มควบคุม
แต่ถ้าการออกกำลังกายนั้นทำ "ร่วมกับ" การรักษาอื่นๆ ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงขึ้นเล็กน้อย
⚠️ ข้อจำกัดของงานวิจัยที่นำมารวม (Limitations of Reviewed Studies):
งานวิจัยส่วนใหญ่ที่รีวิวนี้นำมาวิเคราะห์ มี ความเสี่ยงต่อความลำเอียง (Risk of bias) ค่อนข้างสูงหรือยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปกปิดว่าผู้เข้าร่วมวิจัยอยู่กลุ่มไหน (Blinding)
ผลลัพธ์ที่ได้อาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ (Contextual effects) หรือผลจากความคาดหวัง (Placebo responses)
🏋️♀️ ชนิดหรือปริมาณการออกกำลังกายสำคัญไหม? (Does Type or Dose of Exercise Matter?)
จากการวิเคราะห์กลุ่มย่อย (Subgroup analyses) และการวิเคราะห์ความไว (Sensitivity analyses) พบว่า ไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่าง "ชนิด" ของการออกกำลังกาย (เช่น แอโรบิก, ฝึกความแข็งแรง, ฝึกการทรงตัว, โยคะ) หรือ "ความถี่/ความหนัก" ของการฝึก
จำนวนครั้งที่ทำทั้งหมด หรือจำนวนครั้งที่ได้พบกับผู้ให้บริการ (เช่น นักกายภาพบำบัด) ก็ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับผลลัพธ์มากนัก
📜 สรุปจาก Cochrane Review (Overall Conclusion from Cochrane):
การออกกำลังกายถือเป็นวิธีการรักษาที่มี "ความแน่นอนของหลักฐานในระดับต่ำถึงปานกลาง (Low- to moderate-certainty evidence)" สำหรับการ "ปรับปรุงอาการในระยะสั้น (Short-term improvements)" ทั้งในด้านอาการปวด, การใช้งานข้อเข่า, และคุณภาพชีวิต ของผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม
แต่! "ความสำคัญทางคลินิก (Clinical significance)" หรือการที่ดีขึ้นจนผู้ป่วยส่วนใหญ่รู้สึกได้จริงๆ นั้น "ยังคงไม่แน่นอน (Uncertain)"
💡 Dr. W's Take: ข้อคิดจาก Dr. W
➡️ อย่าเพิ่งทิ้งการออกกำลังกาย! แม้ว่าผลเฉลี่ยในงานวิจัยนี้อาจจะดูไม่ "ว้าว" มากนักในแง่ Clinical Significance แต่การออกกำลังกายยังคงเป็น "เสาหลัก" ในการดูแลข้อเข่าเสื่อมครับ เพราะมันมีความเสี่ยงต่ำ มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมอื่นๆ อีกมาก และที่สำคัญคือ "ค่าเฉลี่ย" มันซ่อน "ความแตกต่างของแต่ละบุคคล" ไว้ครับ
➡️ สำหรับ "บางคน" การออกกำลังกายอาจเปลี่ยนชีวิตได้! แม้ค่าเฉลี่ยจะต่ำกว่า MCID แต่ก็มีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ตอบสนองต่อการออกกำลังกายได้ดีมาก และรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นจริงๆ
➡️ "ชนิด" การออกกำลังกายอาจไม่สำคัญเท่า "การได้ทำ"! ผลที่ว่าชนิดหรือปริมาณไม่ต่างกันมาก อาจแปลว่าการเคลื่อนไหวรูปแบบต่างๆ ล้วนมีประโยชน์ ขอแค่เลือกสิ่งที่ผู้ป่วย "ชอบ", "ทำได้", และ "ทำต่อเนื่องได้ (Adherence)" ก็น่าจะดีที่สุดครับ
➡️ ต้องมองแบบองค์รวม (Holistic Approach): การออกกำลังกายเป็นเพียง "ส่วนหนึ่ง" ของแผนการรักษา ควรทำควบคู่ไปกับการให้ความรู้ (Education), การจัดการภาระงานที่เข่า (Load management), การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต, การควบคุมน้ำหนัก (ถ้ามีภาวะน้ำหนักเกิน), และการดูแลปัจจัยทางจิตสังคมด้วย
➡️ จัดการความคาดหวัง และ ปรับให้เข้ากับแต่ละบุคคล (Manage Expectations & Individualize): สื่อสารกับผู้ป่วยถึงประโยชน์ที่เป็นไปได้และข้อจำกัดของการออกกำลังกาย และที่สำคัญคือการออกแบบโปรแกรมที่ "เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย" ครับ
✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก: เมื่อการออกกำลังกายที่ "พอดี" ช่วยให้คุณป้าเข่าเสื่อมกลับมายิ้มได้ ✨
คุณป้าสมศรี อายุ 65 ปี มาที่คลินิกด้วยอาการปวดเข่าทั้งสองข้าง โดยเฉพาะข้างขวา มานานกว่า 2 ปี มีประวัติข้อเข่าเสื่อม (Knee OA) จากโรงพยาบาล คุณป้ารู้สึกปวดเวลาเดินนานๆ ขึ้นลงบันไดลำบาก และไม่กล้าออกกำลังกายเพราะกลัวจะยิ่งปวด
การประเมิน (Assessment):
➡️ Subjective:
ปวดเข่าขวา VAS 6-7/10 เวลาเดินตลาด หรือยืนทำกับข้าว, เข่าซ้าย VAS 3-4/10
รู้สึกเข่าฝืดตึงตอนเช้า หรือหลังนั่งนานๆ
กิจกรรมที่อยากทำได้คือ เดินออกกำลังกายในสวนสาธารณะใกล้บ้านได้ และขึ้นลงบันไดบ้าน (2 ชั้น) ได้คล่องขึ้น
มีความเชื่อว่า "เข่าเสื่อมแล้ว ต้องอยู่นิ่งๆ อย่าใช้เยอะ"
➡️ Objective:
ROM: งอ-เหยียดเข่าได้เกือบสุด แต่มีเสียงกรอบแกรบ (Crepitus) และปวดเล็กน้อยตอนสุดช่วง
Strength: กล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps) และกล้ามเนื้อสะโพก (Hip abductors/extensors) ทั้งสองข้างอ่อนแรง (MRC grade 4/5)
Functional Tests: Timed Up and Go (TUG) ใช้เวลาค่อนข้างนาน, 30-Second Chair Stand Test ทำได้จำนวนครั้งน้อย
➡️ NKT/NMI Assessment (Neuromuscular Integration/Neurokinetic Therapy):
พบว่า Vastus Medialis Obliquus (VMO) (ส่วนหนึ่งของ Quadriceps) ทำงานได้ไม่ดี (Inhibited)
Gluteus Medius (กล้ามเนื้อข้างสะโพก) ก็อ่อนแรงและทำงานน้อย (Inhibited)
กล้ามเนื้อ Tensor Fascia Latae (TFL) และ Hamstrings อาจจะทำงานชดเชย (Facilitated) มากเกินไป
แผนการรักษา (Treatment Plan - เน้นแนวทางองค์รวม):
🧠 1. Pain Science Education (PSE) & Reassurance:
อธิบายคุณป้าสมศรีด้วยภาษาง่ายๆ ว่า "ข้อเข่าเสื่อม" ไม่ได้แปลว่าข้อเข่าจะ "พัง" จนทำอะไรไม่ได้ มันเป็นกระบวนการ "สึกหรอและซ่อมแซม (Wear and Repair)" ที่เกิดขึ้นตามวัย
อาการปวดไม่ได้เท่ากับความเสียหายเสมอไป (Hurt ≠ Harm) การ "เคลื่อนไหวที่เหมาะสม" ต่างหากที่เป็น "ยา"
อธิบายประโยชน์ของการออกกำลังกายต่อข้อเข่าเสื่อม เช่น ช่วยลดปวด เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบเข่า เพิ่มการหล่อลื่นในข้อ และช่วยให้มั่นใจในการเคลื่อนไหวมากขึ้น
จัดการกับความเชื่อที่ว่าต้องอยู่นิ่งๆ และความกลัวการเคลื่อนไหว
📈 2. Load Management & Activity Modification:
แนะนำการแบ่งกิจกรรมทำเป็นช่วงสั้นๆ สลับกับการพัก
สอนการขึ้นลงบันไดที่ถูกวิธีเพื่อลดแรงกระทำต่อเข่า
อาจแนะนำการใช้ไม้เท้าช่วยพยุง (Walking aid) ในช่วงแรกถ้าจำเป็น เพื่อลด Load และเพิ่มความมั่นใจ
⚙️ 3. NKT/NMI Corrective Strategy:
Release: คลายกล้ามเนื้อ TFL และ Hamstrings ที่ตึงด้วยเทคนิคเบาๆ หรือสอน Self-massage
Activate: กระตุ้นการทำงานของ VMO และ Gluteus Medius ด้วยท่าออกกำลังกายเฉพาะเจาะจงที่ง่ายและปลอดภัย เช่น Gentle quad sets, Glute squeezes, Side-lying clam shells (อาจเริ่มแบบไม่ใช้แรงต้าน)
🏋️♀️ 4. Tailored Exercise Program (โปรแกรมออกกำลังกายที่ "พอดี" กับคุณป้า):
- Low-Impact Aerobic: เริ่มจากการเดินในสระว่ายน้ำ (ถ้าสะดวก) หรือปั่นจักรยานอยู่กับที่แบบไม่มีแรงต้านนาน 5-10 นาที เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดและเตรียมความพร้อม
- Gentle ROM Exercises: ขยับเข่างอ-เหยียดช้าๆ ในท่านั่งหรือนอน เพื่อคงองศาการเคลื่อนไหว
- Gradual Strengthening:
- Quadriceps: Seated knee extensions (อาจเริ่มแบบไม่ใช้น้ำหนัก), Mini wall squats
- Hamstrings: Standing hamstring curls (อาจเริ่มแบบไม่ใช้น้ำหนัก)
- Hip Abductors/Extensors: Standing hip abduction/extension, Glute bridges
- เน้นจำนวนครั้งน้อยๆ ก่อน (เช่น 5-8 ครั้ง) แต่ทำถูกฟอร์ม แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนครั้งหรือเซต
- Functional Exercises: ฝึก Sit-to-stand จากเก้าอี้ที่มีที่วางแขน, ฝึก Step-ups ขึ้นบันไดเตี้ยๆ
- หัวใจสำคัญ: ทำให้การออกกำลังกายเป็นเรื่อง "สนุก" หรือ "ไม่น่าเบื่อ" สำหรับคุณป้า (อาจจะเปิดเพลงเบาๆ), เน้นสิ่งที่ "ทำได้" เพื่อสร้างความสำเร็จเล็กๆ และความมั่นใจ, และหาโปรแกรมที่ "ทำต่อเนื่องได้เองที่บ้าน"
ผลลัพธ์ (Outcome - หลังทำตามโปรแกรมสม่ำเสมอ 6-8 สัปดาห์):
อาการปวดเข่าของคุณป้าสมศรีลดลง (เช่น VAS จาก 6-7/10 เหลือ 3-4/10 เวลาเดิน) แม้ค่าเฉลี่ยอาจจะไม่ได้ลดลง "เยอะมาก" จนถึงเกณฑ์ MCID แต่สำหรับคุณป้า การลดลงระดับนี้ ทำให้เขาสบายขึ้นมากพอที่จะทำกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น
TUG และ 30-Second Chair Stand Test ดีขึ้น สามารถลุกนั่งและเดินได้คล่องขึ้น
สามารถเดินในสวนสาธารณะได้ระยะทางไกลขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ปวดมาก
ที่สำคัญที่สุด: คุณป้ามีความมั่นใจในการเคลื่อนไหวมากขึ้น กลัวน้อยลง และรู้สึกว่าตัวเอง "ควบคุม" อาการได้ดีขึ้น ไม่ได้ปล่อยให้ความปวดมาจำกัดชีวิตเหมือนเดิม
ข้อสังเกต: เคสของคุณป้าสมศรีสะท้อนสิ่งที่ Cochrane Review สรุปได้ดีครับ คือแม้ว่า "ค่าเฉลี่ย" การดีขึ้นจากการออกกำลังกายอาจจะไม่ได้ดูสูงมากนักในทางสถิติสำหรับ "ทุกคน" แต่สำหรับ "ผู้ป่วยแต่ละคน" การออกกำลังกายที่เหมาะสมและปรับให้เข้ากับบุคคลนั้นๆ ร่วมกับการให้ความรู้และการจัดการองค์รวม สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ "มีความหมาย (Meaningful)" ต่อคุณภาพชีวิตและความสุขของเขาได้จริงๆ ครับ อย่าเพิ่งหมดหวังกับการออกกำลังกายสำหรับเข่าเสื่อมนะครับ! 😊
📖 References
➡️ Lawford, B. J., Hinman, R. S., van der Esch, M., & Bennell, K. L. (2025). Exercise for pain and physical function in people with knee osteoarthritis: an overview of Cochrane Reviews. Cochrane Database of Systematic Reviews.
➡️ Bennell, K. L., & Hinman, R. S. (2011). A musculoskeletal physio's guide to osteoarthritis. Braz J Phys Ther, 15(3), 170-180.
➡️ Fransen, M., McConnell, S., Harmer, A. R., Van der Esch, M., Simic, M., & Bennell, K. L. (2015). Exercise for osteoarthritis of the knee. Cochrane Database of Systematic Reviews, (1), CD004376.
➡️ Zhang, W., Moskowitz, R. W., Nuki, G., et al. (2008). OARSI recommendations for the management of hip and knee osteoarthritis, Part II: OARSI evidence-based, expert consensus guidelines. Osteoarthritis and Cartilage, 16(2), 137-162.
➡️ Juhl, C., Christensen, R., Roos, E. M., Zhang, W., & Lund, H. (2014). Impact of exercise type and dose on pain and disability in knee osteoarthritis: a systematic review and meta-regression analysis of randomized controlled trials. Arthritis & Rheumatology, 66(3), 622-636.
➡️ McAlindon, T. E., Bannuru, R. R., Sullivan, M. C., et al. (2014). OARSI guidelines for the non-surgical management of knee osteoarthritis. Osteoarthritis and Cartilage, 22(3), 363-388.










ความคิดเห็น