Dr. W EP. 94 ปวดเข่าด้านหน้า? 🤔 รู้จัก Patellofemoral Pain (PFP) ยอดฮิตในวัยรุ่น/คน Active! 🏃♀️
- Werachart Jaiaree
- 12 พ.ค.
- ยาว 4 นาที
😄 สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับหนึ่งในสาเหตุของอาการ "ปวดเข่าด้านหน้า" หรือ "ปวดรอบๆ/ใต้ลูกสะบ้า" ที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนที่ชอบออกกำลังกาย นั่นคือ Patellofemoral Pain (PFP) หรือบางทีก็เรียกว่า Runner's Knee ที่ดูเหมือนจะพบบ่อยในนักวิ่ง แต่จริงๆ แล้วพบได้ในหลากหลายกิจกรรมครับ 🦵
🦿 PFP เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยมากจริงๆ ครับ มีรายงานความชุกต่อปีถึง 22.7% ในประชากรทั่วไป และสูงถึง 28.9% ในกลุ่มวัยรุ่น! โดยเฉพาะในนักกีฬาหญิงวัยรุ่นอาจพบได้ถึง 1 ใน 4 เลยทีเดียว และเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ที่คนไข้มาพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดด้วยอาการปวดเข่า
👇 ภาพด้านล่างนี้แสดงกายวิภาคที่เกี่ยวข้อง และภาพรวมแนวทางการรักษาครับ

PFP คืออะไรกันแน่? ใครเสี่ยง? มันหายเองได้ไหม? แล้วปัจจัยอะไรบ้างที่เกี่ยวข้อง? มาหาคำตอบกันใน EP นี้ครับ!
📌 ทำความรู้จัก Patellofemoral Pain (PFP): ภาพรวม, ความเรื้อรัง, ปัจจัยเสี่ยง และจิตใจ
1️⃣ PFP ไม่ใช่โรคที่หายเองง่ายๆ! (PFP Is Not Always Self-Limiting!)
🔸 ความเชื่อเดิม vs ความจริง: หลายคนอาจคิดว่าปวดเข่าแบบนี้ เดี๋ยวพักๆ ก็หาย เป็นเรื่องปกติของคน Active แต่ความจริงคือ PFP มีแนวโน้มที่จะ "เรื้อรัง" (Chronic) ได้สูงมากครับ!
🔸 หลักฐานความเรื้อรัง: งานวิจัยที่ติดตามผลระยะยาว (5-20 ปี) พบว่า "กว่า 50%" ของคนที่เป็น PFP ยังคงมีอาการปวดหรือมีผลการรักษาที่ไม่ดีนัก! ในกลุ่มวัยรุ่น อัตราการคงอยู่ของอาการ (Persistence of symptoms) อาจสูงถึง 78% เลยทีเดียว!
🔸 อาจนำไปสู่ข้อเข่าเสื่อม?: มีความเชื่อมโยงว่า PFP ที่เรื้อรังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิด "ข้อเข่าเสื่อมในส่วนข้อสะบ้า" (Patellofemoral OA) ในอนาคตได้ (พบการเปลี่ยนแปลงในภาพถ่ายรังสีได้ถึง 69% ในผู้ป่วย PFP เรื้อรัง)
🔸 สรุป: PFP จึงเป็นภาวะที่ ควรได้รับการดูแลรักษาอย่างจริงจังและเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้ครับ
2️⃣ ใครเสี่ยง? ปัจจัยเสี่ยงที่ "พิสูจน์แล้ว" มีน้อย! (Who's at Risk? Few Proven Risk Factors!) 🤔
🔸 กลุ่มเสี่ยงหลัก: อย่างที่กล่าวไปคือ วัยรุ่น, คนที่ Active (โดยเฉพาะนักกีฬา), และผู้หญิง มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชาย
🔸 ปัจจัยเสี่ยงที่ "ยืนยัน" (จาก Prospective Studies - หลักฐานปานกลาง/สูง): น่าแปลกใจมากครับว่า ปัจจัยเสี่ยงที่พิสูจน์แล้วว่ามีอยู่ "ก่อน" ที่จะเกิดอาการ PFP นั้น มีเพียง "น้อยมาก" ที่สำคัญคือ:
◾️ แรงกางสะโพก (Hip Abduction Force) ที่ "สูงกว่า" ❗️ ในกลุ่มวัยรุ่น -> ใช่ครับ! อาจจะดูขัดแย้ง แต่พบจากงานวิจัย!
◾️ กำลังกล้ามเนื้อต้นขาหน้า (Quadriceps Force) ที่ "น้อยกว่า" ในประชากรทั่วไปและโดยเฉพาะในกลุ่มทหาร
3️⃣ แล้วปัจจัยอื่นๆ ที่ "เกี่ยวข้อง" ล่ะ? (Associated Factors - Correlation ≠ Causation!)
🔸 มีมากมาย! แต่ยังไม่ชัดเจนว่าเป็น "สาเหตุ" หรือ "ผลลัพธ์": งานวิจัยพบปัจจัยหลายอย่างที่ "มักพบร่วมกับ" PFP แต่ยัง พิสูจน์ไม่ได้ 100% ว่าเป็นสาเหตุโดยตรง ปัจจัยเหล่านี้ "อาจจะ" เกี่ยวข้อง แต่ ไม่ใช่ทุกคนที่มีปัจจัยเหล่านี้แล้วจะต้องปวดเข่า นะครับ!
◾️ กายภาพ/โครงสร้าง/ชีวกลศาสตร์: BMI สูง↑, การเคลื่อนไหวสะโพกผิดปกติ (หุบเข้า/บิดเข้าใน/เชิงกรานเอียง มากไป)↑, มุมสะโพกงอมากไปขณะวิ่ง↑, กล้ามเนื้อสะโพก (หลายมัด) อ่อนแรง↓, มุม Q-angle มาก↑, ร่องกระดูกต้นขาตื้น, สะบ้าสูง↑, กล้ามเนื้อ Quad อ่อนแรง/ลีบ↓, กล้ามเนื้อ Vastus Medialis ทำงานช้า↑, มุมใต้สะบ้าผิดปกติ↑, สะบ้าเอียงไปด้านนอก, เท้าแบน/คว่ำ↑ [ย้ำว่าแค่ความสัมพันธ์]
◾️ ระบบประสาท/ความปวด: ความไวต่อความปวดเพิ่มขึ้น (Pain Sensitivity) ทั้งที่เข่าและทั่วร่างกาย↑, การประมวลผลความปวดในสมองผิดปกติ (Altered Pain Processing)
◾️ จิตใจ (Psychological Factors - สำคัญมาก!): สุขภาพจิตโดยรวมแย่ลง↓, มีภาวะวิตกกังวล/ซึมเศร้า↑, มีความกลัวการเคลื่อนไหว (Fear Avoidance)↑, มีการมองโลกในแง่ร้ายเกี่ยวกับความปวด (Catastrophisation)↑, มีความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ (Low Self-Efficacy)↑
4️⃣ บทบาทของ "จิตใจ" และ "ระบบประสาท" ใน PFP (Psychological & Neurological Roles)
🔸 ไม่ใช่แค่เรื่องกล้ามเนื้อ-กระดูก: งานวิจัย PFP ยุคใหม่ชี้ว่า ลำพังแค่การอธิบายด้วยโครงสร้างหรือชีวกลศาสตร์ ไม่เพียงพอ ที่จะอธิบายลักษณะอาการและความเรื้อรังของ PFP ได้ทั้งหมด
🔸 จิตใจส่งผลต่อความปวดโดยตรง: พบว่าคนไข้ PFP จำนวนมาก มี ความวิตกกังวล, ความกลัวการเคลื่อนไหว, ความคิดเชิงลบต่อความปวด, และความเชื่อมั่นในตนเองต่ำ ปัจจัยเหล่านี้ไม่เพียงส่งผลต่อการใช้งานและคุณภาพชีวิต แต่ยัง มีอิทธิพลโดยตรงต่อ "ประสบการณ์ความปวด" ที่สมองรับรู้และแปลผล และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ปวดเรื้อรัง ได้
🔸 เน้นดูแล "คน" ไม่ใช่แค่ "เข่า" (Treat the Person, Not Just the Knee!): การรักษา PFP ที่ดี จึงควรเป็นแบบ องค์รวม (Biopsychosocial) คือพิจารณาทั้งปัจจัยทางชีวภาพ, จิตใจ, และสังคม ร่วมด้วยเสมอ ไม่ใช่แค่แก้ไขโครงสร้างหรือเพิ่มความแข็งแรงเท่านั้น
💡 ข้อคิด:
✅ Patellofemoral Pain (PFP) เป็นปัญหาปวดเข่าที่ พบบ่อย โดยเฉพาะในวัยรุ่น/คน Active และ มักไม่หายเอง ควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
✅ ปัจจัยเสี่ยงที่ พิสูจน์แล้วจริงๆ มีน้อยมาก แต่มีปัจจัย "ที่เกี่ยวข้อง" อีกมากมาย ทั้งทางร่างกาย, ระบบประสาท, และโดยเฉพาะ "จิตใจ" ซึ่งมีบทบาทสำคัญ
✅ การทำความเข้าใจ PFP ต้องมองแบบ องค์รวม (Biopsychosocial)
✅ EP หน้า (EP 95) เราจะมาดูกันครับว่า แล้วเราจะวินิจฉัย PFP ได้อย่างไร และแนวทางการรักษาที่ดีที่สุดตาม Guideline ปัจจุบันมีอะไรบ้างครับ 😄
⚡️ เคสตัวอย่างจากคลินิก ⚡️
น้องนักเรียน ม.ปลาย นักบาสเกตบอล 🏀 มีอาการ ปวดเข่าขวาด้านหน้า รอบๆ ลูกสะบ้า มา 4 เดือน ปวดเวลางอเข่าเยอะๆ, นั่งนานๆ, และหลังซ้อมบาสหนักๆ เริ่มรู้สึก กังวล และ ไม่อยากไปซ้อม เพราะกลัวเจ็บ
การประเมิน:
✅ Knee Exam: กดเจ็บรอบ/ใต้สะบ้า, ปวดเมื่อ Squat/Step-down test, ตรวจอื่นปกติ
✅ Associated Factors: พบ Hip Abductor/External Rotator อ่อนแรงเล็กน้อย, มี Dynamic Knee Valgus (เข่าบิดเข้าใน) เล็กน้อยขณะทำ Single Leg Squat
✅ Psychological Screening: พบ ความกังวล (Anxiety) และ ความเชื่อว่าการงอเข่า/เล่นบาสจะทำให้เข่าแย่ลง (Fear-Avoidance Beliefs)
✅ NKT/NMI Assessment: ตรวจพบรูปแบบที่ กล้ามเนื้อ TFL (Tensor Fasciae Latae - ด้านข้างสะโพก) ทำงานมากเกินไป (Facilitated) เพื่อชดเชย กล้ามเนื้อ Gluteus Medius (กล้ามเนื้อกางสะโพกด้านข้าง) ที่ทำงานได้ไม่เต็มที่ (Inhibited) ซึ่งรูปแบบนี้อาจส่งเสริมให้เกิด Dynamic Knee Valgus และเพิ่ม Stress ที่ข้อสะบ้าได้
แผนการรักษา :
✅ Pain Education & Reassurance (สำคัญมาก!):
🔹 อธิบายภาวะ PFP (ไม่ใช่โรคร้ายแรง), ลดกลัวการเคลื่อนไหว/งอเข่า
🔹 อธิบายว่าความกังวลส่งผลต่อความปวดได้
✅ Load Management: ปรับตารางซ้อมบาส/กิจกรรม (ใช้ Pain Monitoring - EP 80)
✅ Manual Therapy & Corrective Exercise (NKT/NMI):
🔹 ใช้เทคนิค Manual Release คลาย TFL ที่ Facilitated
🔹 กระตุ้น (Activate) Gluteus Medius ที่ Inhibited ด้วยท่าเฉพาะเจาะจง เช่น Side-lying Clamshell, Side-lying Hip Abduction (เน้นฟอร์มที่ถูกต้อง)
✅ Exercise Therapy (Hip & Knee Focused):
🔹 เน้นเพิ่มความแข็งแรง ทั้งกล้ามเนื้อสะโพก (รวม Glute Med ที่ Activate แล้ว และกลุ่มอื่นๆ) และต้นขาด้านหน้า (Quadriceps)
🔹 ค่อยๆ เพิ่มความท้าทายตาม Pain Monitoring
✅ Address Psychological Factors:
🔹 พูดคุยลดความกังวล, ตั้งเป้าหมายร่วมกัน
🔹 สร้างความเชื่อมั่น (Self-efficacy)
🔹 ใช้ Graded Exposure กับกิจกรรม/ท่าที่เคยกลัว
ผลลัพธ์:
✅ อาการปวดเข่าลดลง
✅ น้องลดความกังวล เข้าใจร่างกายตัวเองมากขึ้น
✅ กล้าเคลื่อนไหวและงอเข่ามากขึ้น
✅ กลับไปซ้อมบาสได้ โดยรู้วิธีจัดการ Load/อาการ
ข้อสังเกต: การดูแล PFP ที่ดี ไม่ใช่แค่การบริหารเข่า แต่รวมถึงการมองปัญหาที่สะโพก (Proximal), การจัดการปัจจัยทางจิตใจ, และในเคสนี้ การแก้ไข Muscle Imbalance ด้วย NKT/NMI ก็เป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้การฟื้นตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้นครับ!
References
1. Smith, B. E., et al. (2018). Incidence and prevalence of patellofemoral pain: A systematic review and meta-analysis. PLoS One, 13(1), e0190892. (PMID: 29324820)
2. Rathleff, M. S., et al. (2016). Is knee pain during adolescence a self-limiting condition? A systematic review. Br J Sports Med, 50(11), 661-666. (PMID: 27245443)
3. Devereaux, M. D., & Lachmann, S. M. (1984). Patello-femoral arthralgia in athletes attending a sports injury clinic. Br J Sports Med, 18(1), 18-21. (PMID: 6501361)
4. Taunton, J. E., et al. (2002). A retrospective case-control analysis of 2002 running injuries. Br J Sports Med, 36(2), 95-101.
5. Willy, R. W., et al. (2016). Patellofemoral joint and hip muscle kinematics: comparison of runners with and without patellofemoral pain. J Orthop Sports Phys Ther, 46(2), 104-110.
6. Nimon, G., et al. (1998). Natural history of anterior knee pain: a 14- to 20-year follow-up of 182 patients. J Pediatr Orthop, 18(6), 737-741. (PMID: 9449112)
7. Devereaux, M. D., & Lachmann, S. M. (1984). Natural history of patellofemoral pain syndrome. J Bone Joint Surg Br, 66(5), 731-733.
8. Dixit, S., et al. (2007). Management of patellofemoral pain syndrome. Am Fam Physician, 75(2), 194-202.
9. Rathleff, M. S., et al. (2015). Patellofemoral pain in adolescence and adulthood: same same, but different? Sports Med, 45(11), 1489-1495. (PMID: 26463119)
10. Lankhorst, N. E., et al. (2016). Risk factors for patellofemoral pain syndrome: a systematic review. J Orthop Sports Phys Ther, 46(2), 81-94. (PMID: 26792702)
11. Nimon, G., et al. (1998). J Pediatr Orthop, 18(6), 737-741.
12. Collins, N. J., et al. (2012). Prognosis of patellofemoral pain: a systematic review. J Orthop Sports Phys Ther, 42(11), 935-948. (PMID: 23242955)
13. Drew, M. K., et al. (2023). How does patellofemoral pain start? A systematic review of risk factors and onset mechanism in prospective longitudinal cohort studies. Sports Med, 53(10), 1949-1967. (PMID: 37874571)
14. Stathopulu, E., & Baildam, E. (2003). Anterior knee pain: a long-term follow-up. Rheumatology (Oxford), 42(3), 380-382.
15. Thomas, M. J., et al. (2014). Patellofemoral osteoarthritis. Clin Sports Med, 33(1), 1-15. (PMID: 24376057)
16. Boling, M., et al. (2010). Gender differences in the incidence and prevalence of patellofemoral pain syndrome. Scand J Med Sci Sports, 20(5), 725-730. (PMID: 23068589)
17. Rathleff, M. S., et al. (2018). Hip strength and range of motion are risk factors for patellofemoral pain: a systematic review and meta-analysis. Br J Sports Med, 52(19), 1256-1265. (PMID: 30242107)
18. Finnoff, J. T., et al. (2011). Hip strength and knee pain in soldiers. J Orthop Sports Phys Ther, 41(11), 830-838. (PMID: 22031622)
19. Hoglund, L. T., et al. (2021). J Orthop Sports Phys Ther, 51(, 373-376. (PMC8359717)
20. Crossley, K. M., et al. (2016). Br J Sports Med, 50(14), 839-843. (PMID: 29936425)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพ มี 2 สาขา
!!ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!
📌สาขา เยาวราช
-แผนที่ : https://g.co/kgs/kXSEbT
-โทร : 080 425 9900
-Line : https://lin.ee/6pVt7JG
📌สาขา เพชรเกษม81
-แผนที่ : https://g.co/kgs/MVhq7B
-โทร : 094 654 2460
-Line :https://lin.ee/cl1hNqe
Comments