top of page

Dr. W EP. 90 ตัวเอียง! 🚶‍♂️ หลังคด! เมื่อหมอนรองทับเส้น... รู้จัก Sciatic Scoliotic List 🤔

😊 สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ หลังจากที่เราคุยเรื่องปวดหลังจากหมอนรองกระดูกเสื่อม (EP 85) และปวดเข่าที่อาจมาจากหลัง (EP 89) กันไปแล้ว วันนี้เราจะมาพูดถึงอีกหนึ่งลักษณะอาการที่พบได้ในผู้ป่วย "หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนทับเส้นประสาท" (Lumbar Disc Herniation - LDH) โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดร้าวลงขา (Sciatica) นั่นคือ อาการ "ตัวเอียง" หรือ "หลังคดชั่วคราว" ที่สังเกตเห็นได้ชัดครับ


อาการนี้มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น Sciatic Scoliotic List (SSL), Sciatic Scoliosis, Trunk List, หรือ Trunk Shift ครับ พบได้ประมาณ 13-18% ของผู้ป่วย LDH ที่เป็นผู้ใหญ่

มันคืออะไร? ทำไมถึงเกิดขึ้น? แล้วเราจะจัดการกับมันอย่างไร? มาหาคำตอบกันครับ!



ree
ree

📌 ไขความจริง: เรื่องของอาการ "ตัวเอียง" จากหมอนรองกระดูกทับเส้น (SSL/Trunk Shift)

1️⃣ ทำความรู้จัก Sciatic Scoliotic List (SSL) / Trunk Shift (What is it?)

🔶 ลักษณะ: คือภาวะที่ลำตัว (Trunk) มีการ "เอียงหรือเลื่อน" (Shift/List) ออกไปจากแนวกลางเมื่อเทียบกับเชิงกราน ทำให้มองจากด้านหน้าหรือด้านหลังแล้ว ดูเหมือนมีภาวะกระดูกสันหลังคด (Scoliosis) แต่! นี่เป็นลักษณะ "ชั่วคราว" ที่เกิดจากปัญหาอื่น (Functional Scoliosis หรือ Antalgic Posture - ท่าทางเพื่อลดปวด) ไม่ใช่ ความคดเชิงโครงสร้าง (Structural Scoliosis) ที่เป็นแบบถาวรนะครับ

🔶 ทิศทางการเอียง: ส่วนใหญ่ (ประมาณ 75-80%) ผู้ป่วยมักจะมีลำตัวเอียง "หนีออกจากข้างที่มีอาการปวดร้าวลงขา" (Contralateral Shift) แต่ก็มีบางส่วนที่เอียง "เข้าหาข้างที่ปวด" (Ipsilateral Shift) ได้เช่นกัน หรือในบางรายที่อาการซับซ้อน อาจมีอาการตัวเอียงสลับข้างไปมาได้ (Alternating Shift)


2️⃣ ทำไมถึงเกิดอาการตัวเอียง? (Why does it happen?) - หลากหลายทฤษฎี 🤔

🔶 ทฤษฎี "หลีกเลี่ยงการกดทับ/ระคายเคืองเส้นประสาท" (Nerve Root Avoidance): เป็นแนวคิดที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด เชื่อว่าร่างกายพยายาม "ปรับท่าทางโดยอัตโนมัติ" (อาจเกิดจากกล้ามเนื้อหดเกร็งป้องกันตัว - Protective Muscle Spasm) เพื่อหาตำแหน่งที่ "ลดแรงกดทับหรือการระคายเคือง" ต่อรากประสาทที่ถูกหมอนรองที่ปลิ้นออกมารบกวน พูดง่ายๆ คือ ร่างกายพยายามหาท่าที่สบายที่สุด หรือเจ็บน้อยที่สุดนั่นเองครับ

🔶 ทฤษฎีของ Finneson (Finneson's Hypothesis): เคยมีแนวคิด เสนอว่าทิศทางการเอียงตัวสัมพันธ์กับตำแหน่งหมอนรองที่ปลิ้นเทียบกับเส้นประสาท :

▪️ ปลิ้นด้านใน (Medial) ต่อรากประสาท -> ตัวเอียงไปฝั่ง ตรงข้าม กับข้างที่ปวด (Contralateral list)

▪️ ปลิ้นด้านนอก (Lateral) ต่อรากประสาท -> ตัวเอียงไปฝั่ง เดียวกับ ข้างที่ปวด (Ipsilateral list)

▪️ ข้อควรระวัง: ทฤษฎีนี้ยังเป็นเพียงสมมติฐานที่ "ไม่ได้รับการยืนยัน" จากงานวิจัยในปัจจุบันอย่างชัดเจน และทิศทางการเอียงตัวก็ "ไม่ได้สัมพันธ์" โดยตรงกับความตึงตัวของเส้นประสาทเสมอไป

🔶 ทฤษฎี "กลไกภายในหมอนรอง" (Aberrant Disc Mechanics):

▪️ มองว่าหมอนรองที่ปลิ้นออกมาทำตัวเหมือน "ก้อน" (Space-occupying mass) ที่ดันให้ลำตัวเอียงหนี (ทำให้เกิด Contralateral shift)

▪️ หรือในกรณีที่ Annulus Fibrosus (AF) ฉีกขาดมาก กระดูกข้อบนอาจ "ยุบ" ตัวลงในรอยฉีก ทำให้ตัวเอียงเข้าหาข้างนั้น (Ipsilateral shift)

🔶 ทฤษฎี "ลดแรงกดทับด้วยตัวเอง" (Autonomic Decompression / Weight-bearing Shift): มีแนวคิดว่าการที่ร่างกายเอียงตัว (ส่วนใหญ่คือเอียงไปฝั่งตรงข้ามกับหมอนรองที่ปลิ้น ซึ่งเป็นด้านนูนของ Scoliosis ชั่วคราว) อาจเป็นการช่วย "ลดแรงกดทับ" ด้วยกลไกต่างๆ เช่น:

▪️ อาจช่วย เปิดช่องว่างระหว่างข้อกระดูก (Intervertebral Foramen) ให้กว้างขึ้นเล็กน้อย ลดการกดเบียดรากประสาท

▪️ อาจทำให้หมอนรองที่ปลิ้นถูก "ดึงรั้ง" หรือ "ยุบเข้า" เล็กน้อย ทำให้ขนาดส่วนที่ปลิ้นลดลง (Porter et al.)

▪️ อาจช่วย เปลี่ยนการลงน้ำหนัก ให้ไปอยู่ที่ขาข้างที่ไม่ปวดมากขึ้น ลดการรับภาระและการระคายเคืองของเส้นประสาทข้างที่ปวด (Zhu et al.)

🔶 สรุป: แม้จะมีหลายทฤษฎี แต่ สาเหตุที่แท้จริง ของอาการตัวเอียงในผู้ป่วยแต่ละราย ยังไม่ทราบแน่ชัด และอาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน อย่างไรก็ตาม อาการตัวเอียงนี้ สัมพันธ์อย่างยิ่ง กับพยาธิสภาพของหมอนรองกระดูกสันหลังครับ


3️⃣ การตรวจประเมิน และการรักษาทางกายภาพบำบัด (Assessment & PT Management)

🔶 การประเมิน: นักกายภาพบำบัดจะสังเกตลักษณะการเอียงตัว (Trunk Shift Observation) ทั้งในท่ายืนและท่าเดิน, ประเมิน ROM หลัง, ตรวจระบบประสาทเพื่อยืนยันระดับและความรุนแรงของการกดทับเส้นประสาท, และอาจทดลอง "แก้ไขท่าตัวเอียง" (Shift Correction) เบาๆ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของอาการ (ซึ่งอาจใช้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาได้)

🔶 การรักษา (Physiotherapy):

🔹 เป้าหมายหลัก = แก้ที่ต้นเหตุ: การรักษาทางกายภาพบำบัดจะมุ่งเน้นไปที่การรักษา ภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (LDH) และอาการปวดร้าวลงขา (Sciatica) ที่เป็นต้นตอสำคัญ ซึ่งอาจรวมถึง:

▪️ Pain Education (ให้ความรู้ ลดความกลัว)

▪️ Manual Therapy (เทคนิคการรักษาด้วยมือ เพื่อลดปวด ลดเกร็ง เพิ่มการขยับ)

▪️ Neuromobilization (เทคนิคขยับเส้นประสาท ลดการยึดติด)

▪️ Directional Preference Exercises (เช่น McKenzie Method ถ้าพบว่ามีทิศทางที่ทำแล้วอาการดีขึ้น)

▪️ Core Stabilization Exercises (เพิ่มความมั่นคงให้แกนกลางลำตัว)

🔹 การแก้ไขท่าตัวเอียง (Shift Correction): มีเทคนิคที่นักกายภาพบำบัดอาจใช้เพื่อช่วยแก้ไข SSL โดยตรง (เช่น การจัดท่าทางบนเตียง, การให้คนไข้ดันตัวเองกับกำแพง) แต่! ต้องทราบว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนประสิทธิภาพของเทคนิคเหล่านี้โดยเฉพาะ ยังมีคุณภาพค่อนข้างต่ำ (Low quality evidence) ครับ

🔹 ข้อควรพิจารณา: การแก้ไขท่าตัวเอียงควรทำ เมื่อประเมินแล้วว่าช่วย "ลดอาการปวดร้าวลงขา" ได้จริง และทำอย่าง ระมัดระวัง นุ่มนวล ไม่ฝืนหากคนไข้เจ็บมากขึ้น ไม่ควรถือเป็นเป้าหมายหลักของการรักษา หากการแก้ไขท่าไม่ได้ช่วยลดอาการที่เป็นปัญหาหลัก (คืออาการปวดร้าวลงขา)


💡 ข้อคิด:

✅ อาการ "ตัวเอียง" (SSL/Trunk Shift) เป็นลักษณะที่พบได้ในผู้ป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้น (LDH) ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการตอบสนองของร่างกายเพื่อ "ลดการระคายเคืองต่อเส้นประสาท" โดยอัตโนมัติ

✅ มันเป็นภาวะ "ชั่วคราว" และ ไม่ใช่กระดูกคดถาวร ไม่ต้องตกใจกลัวจนเกินไปครับ

✅ การรักษาหลักควรมุ่งไปที่ "ต้นตอของปัญหา" คือ การจัดการกับภาวะ LDH และอาการปวดร้าวลงขา (Sciatica)

✅ เมื่ออาการปวดร้าวลงขาลดลงจากการรักษาที่เหมาะสม ภาวะ "ตัวเอียง" ก็มักจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปได้เอง ตามธรรมชาติครับ 😊


✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก ✨

คนไข้ชาย วัย 45 ปี พนักงานออฟฟิศ มีอาการ ปวดหลังส่วนล่างเฉียบพลัน ร้าวลงขาขวาด้านหลังถึงปลายเท้า หลังก้มยกกระถางต้นไม้ผิดท่า สังเกตเห็นว่าเวลาเดินหรือยืน ลำตัวจะเอียงไปทางซ้าย อย่างชัดเจน ทำให้บุคลิกเสียและรู้สึกไม่มั่นใจ

การประเมิน:

ตรวจร่างกาย: ยืนยันอาการ Sciatica ข้างขวา (SLR test positive ที่มุมต่ำ, มีชา/อ่อนแรง S1 เล็กน้อย), ปวดหลังมากตอนก้มหรือนั่งนานๆ, สังเกตพบ Contralateral Trunk Shift ชัดเจน (ตัวเอียงไปซ้าย หนีข้างที่ปวด)

NeuroKinetic Therapy ร่วมกับ NeuroMuscular Integration: พบ Quadratus Lumborum (QL) และ Erector Spinae ด้านซ้าย (ด้านที่เอียงไป) ทำงานหนักเกินไป (Facilitated) / กล้ามเนื้อด้านขวาและ Core stabilizers ทำงานน้อยไป (Inhibited)


แผนการรักษาผสมผสาน:

✅ Pain Education: อธิบายภาวะ LDH, Sciatica, และ SSL ว่าเป็นปฏิกิริยาป้องกันตัว ไม่ใช่ภาวะถาวร ลดความกังวลเรื่องตัวเอียง สอน Pain Monitoring (EP 80) และการจัดการกิจกรรมเบื้องต้น

✅ Manual Therapy & Corrective Exercise (NKT/NMI):

🔹 คลายกล้ามเนื้อ QL/Erector Spinae ซ้ายที่เกร็งตัว

🔹 กระตุ้น (Activate) กล้ามเนื้อ Core stabilizers และ Gluteus ขวา ที่ทำงานน้อยไป

✅ Directional Preference/Shift Correction (พิจารณาอย่างระมัดระวัง):

🔹 หาท่าที่ลดอาการลงขา: เน้นทำท่า McKenzie Extension (นอนคว่ำแล้วค่อยๆ ดันศอก/ดันมือยืดหลัง) บ่อยๆ เพราะมักช่วยลดอาการร้าวลงขาในเคส LDH ได้

🔹 ลอง Shift Correction? อาจจะลอง ใช้เทคนิคแก้ไขตัวเอียงเบาๆ (เช่น นอนตะแคงซ้ายแล้วให้คนไข้ค่อยๆ ดันสะโพกขวาเข้าหาเตียง) แต่! ต้องทำเมื่อประเมินแล้วว่ามันช่วย "ลดอาการปวดร้าวลงขา" ได้จริงเท่านั้น ถ้าทำแล้วปวดมากขึ้น หรือไม่ช่วยลดอาการลงขา ก็ไม่จำเป็นต้องเน้นทำครับ

✅ Neuromobilization & Graded Exercise: เริ่มเมื่ออาการปวดเฉียบพลันลดลงแล้ว


ผลลัพธ์:

✅ หลังจากเน้นทำท่า McKenzie Extension, คลายกล้ามเนื้อ, และ Activate กล้ามเนื้อที่ถูกต้อง อาการ ปวดร้าวลงขาขวา ของคนไข้ลดลงอย่างชัดเจน

✅ เมื่ออาการปวดร้าวลงขาลดลง ภาวะ "ตัวเอียง" (SSL) ก็ค่อยๆ ลดลงและหายไปเอง โดยไม่ต้องไป "ฝืนดัด" โดยตรงมากนัก

✅ คนไข้สามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ข้อสังเกต: เคสนี้แสดงให้เห็นว่า SSL มักเป็น "อาการรอง" ที่เกิดตามหลังปัญหาหลักคือ LDH/Sciatica การรักษาที่ "ต้นเหตุ" และการฟื้นฟูระบบประสาทกล้ามเนื้อโดยรวม มักจะเพียงพอที่จะทำให้ SSL ค่อยๆ หายไปได้เองครับ การมุ่งแก้ไขท่าเอียงโดยตรงอาจไม่จำเป็นเสมอไป และต้องทำด้วยความระมัดระวัง


References

🔶 1. Suk, K. S., et al. (2001). Significance of sciatic scoliotic list in lumbar disc herniation. J Spinal Disord Tech, 14(6), 516-520. (PMID: 11752526)

🔶 2. Suri, P., et al. (2012). Incidence and risk factors for lumbar spinal stenosis based on analysis of the framingham osteoarthritis study. Spine J, 12(10), 871-878.

🔶 3. Knuttson, F. (1961). The sciatic syndrome: A clinical and roentgenological study. Acta Orthop Scand Suppl, 45, 1-100.

🔶 4. Finneson, B. E. (1998). A lumbar disc surgery predictive score card. A retrospective evaluation. Spine (Phila Pa 1976), 23(6), 700-707.

🔶 5. Lam, C. H., et al. (2020). Lumbar lateral shift: a narrative review. J Man Manip Ther, 28(5), 256-266.

🔶 6. Bogduk, N. (2012). Clinical and radiological anatomy of the lumbar spine. Elsevier Health Sciences.

🔶 7. Intolo, P., et al. (2009). Alternating lumbar lateral shift: a case report. J Man Manip Ther, 17(4), 221-226.

🔶 8. Porter, R. W., & Miller, C. G. (1986). Back pain and trunk list. Spine (Phila Pa 1976), 11(6), 596-600.

🔶 9. Mooney, V., & Robertson, J. (1976). The facet syndrome. Clin Orthop Relat Res, (115), 149-156.

🔶 10. Farfan, H. F. (1973). Mechanical disorders of the low back. Lea & Febiger.

🔶 11. Kapandji, I. A. (2008). The physiology of the joints: The trunk and the vertebral column (Vol. 3). Churchill Livingstone.

🔶 12. Zhu, G. Z., et al. (2011). Clinical significance and pathogenic mechanism of sciatic scoliosis in lumbar disc herniation. Orthop Surg, 3(3), 177-181. (PMID: 21962233)

🔶 13. Porter, R. W. (1998). Sciatica and the spinal nerve root. Spine (Phila Pa 1976), 23(2), 214-219. (PMID: 2947332)

🔶 14. White, A. A., & Panjabi, M. M. (1978). Clinical biomechanics of the spine. Lippincott Williams & Wilkins.

🔶 15. Zhao, H., et al. (2022). Relationship between sciatic scoliotic list and pathological morphology in patients with lumbar disc herniation. BMC Musculoskelet Disord, 23(1), 872. (PMID: 36112809)

🔶 16. Clare, H. A., et al. (2005). Interventions for treating patients with low back pain: a survey of Australian physiotherapists. Physiotherapy, 91(3), 135-141.

🔶 17. Machado, L. A., et al. (2008). The McKenzie method for low back pain: a systematic review of the literature with a meta-analysis approach. Spine (Phila Pa 1976), 33(1), 90-102. (PMID: 18797038)

🔶 18. Long, A., et al. (2004). Does it matter which exercise? A randomized control trial of exercise for low back pain. Spine (Phila Pa 1976), 29(23), 2593-2602.

🔶 19. Halliday, M. H., et al. (2021). Physiotherapy management of lumbar disc herniation: A survey of current practice in the UK. Musculoskelet Sci Pract, 53, 102370.


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพ มี 2 สาขา

!!ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!

📌สาขา เยาวราช

-แผนที่ : https://g.co/kgs/kXSEbT

-โทร : 080 425 9900


📌สาขา เพชรเกษม81

-แผนที่ : https://g.co/kgs/MVhq7B

-โทร : 094 654 2460


 
 
 

Comments


JR Physio Clinic
บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด

Our Partner

สาขาเพชรเกษม 81
  • facebook
  • generic-social-link
  • generic-social-link

256/1 Soi.Wuttisuk (Near Nongkhaem Police Station), Nongkhaem, Bangkok 10160

สาขาเยาวราช
  • facebook
  • generic-social-link
  • generic-social-link

9 Rama IV Road, Pom Prap, Pom Prap Sattru Phai, Bangkok 10100

Open hours : MON-SUN 9.00 am - 8.00 pm

©2019 by JR Physio Clinic. Proudly created with Wix.com

bottom of page