😊 Dr. W EP. 180: "ปวดหลังเรื้อรัง... เพราะ chain ขาด? ⛓️ งานวิจัยใหม่ส่องความเชื่อมโยง 'หลัง-ก้น' ที่ถูกตัดขาด!"
- Werachart Jaiaree
- Oct 30
- 4 min read
สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! ร่างกายของเราไม่ได้ประกอบขึ้นจากกล้ามเนื้อที่ทำงานแยกส่วนกันเป็นชิ้นๆ นะครับ แต่จริงๆ แล้วมันถูกเชื่อมโยงถึงกันหมดด้วยระบบ "พังผืด (Myofascial system)" ซึ่งเป็นเหมือนใยแมงมุมที่ห่อหุ้มและเชื่อมต่อทุกอย่างไว้ด้วยกัน ทำให้ร่างกายสามารถส่งผ่านแรงไปมาระหว่างกล้ามเนื้อมัดต่างๆ ข้ามข้อต่อ และข้ามฝั่งของร่างกายได้
หนึ่งใน "โซ่การเคลื่อนไหว" ที่สำคัญมากก็คือ "Posterior Oblique Sling System" ซึ่งก็คือ การเชื่อมต่อในแนวทแยง ระหว่างกล้ามเนื้อหลังส่วนปีก (Latissimus Dorsi - LD) ข้างหนึ่ง กับกล้ามเนื้อก้นมัดใหญ่ (Gluteus Maximus - GM) ของข้างตรงข้าม โดยมี Thoracolumbar Fascia (TLF) หรือพังผืดบริเวณหลังส่วนล่างเป็นตัวกลางเชื่อม

ตามทฤษฎีแล้ว โซ่การเคลื่อนไหวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความมั่นคงให้กับลำตัวและเชิงกราน และช่วยในการถ่ายเทแรงขณะที่เราเคลื่อนไหวแบบไดนามิก เช่น การเดิน, การวิ่ง, หรือการขว้างปา แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครสามารถ "พิสูจน์" ได้จริงๆ ในคนที่มีชีวิตว่าการส่งผ่านแรงนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ และมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในคนที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง
🤔 คำถามสำคัญของงานวิจัยนี้
ล่าสุด มีงานวิจัยโดย Procópio และคณะ ที่พยายามจะตอบคำถามนี้ครับว่า การส่งผ่านแรงทางพังผืด (Myofascial force transmission) ระหว่างกล้ามเนื้อหลัง (LD) และกล้ามเนื้อก้นฝั่งตรงข้าม (contralateral GM) ในกลุ่มคนที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง (CLBP) แตกต่างจากคนสุขภาพดีหรือไม่?
🔬 เจาะลึกงานวิจัย - เขาทำกันอย่างไร? (The Study)
➡️ ใครเข้าร่วม? (Who participated?): ผู้เข้าร่วม 40 คน แบ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยปวดหลังเรื้อรัง (CLBP group) 20 คน และกลุ่มควบคุมสุขภาพดี (Healthy controls) 20 คน
➡️ วัดผลยังไง? (How did they measure it?) - นี่คือส่วนที่เจ๋งมากครับ!
ผู้เข้าร่วมจะนอนคว่ำ แล้วให้ออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อหลัง (LD) โดยการ เหยียดแขนไปด้านหลังค้างไว้ (Isometric shoulder extension)
ในขณะเดียวกัน นักวิจัยจะใช้เทคโนโลยี Ultrasound ขั้นสูงที่เรียกว่า "Shear Wave Elastography (SWE)" ไปวัด "ความตึง/ความกระด้าง (Stiffness)" ของ กล้ามเนื้อก้น (GM) ของข้างตรงข้าม
หลักการคือ: ถ้าการเกร็งกล้ามเนื้อหลัง (LD) สามารถส่งผ่านแรงผ่านพังผืด (TLF) ไปยังกล้ามเนื้อก้น (GM) ที่อยู่อีกฝั่งได้จริง มันควรจะทำให้กล้ามเนื้อก้นนั้น "ตึง" หรือ "กระด้าง" ขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ได้ออกแรงเกร็งโดยตรงก็ตาม
📊 ผลลัพธ์ที่ได้... โซ่ที่ขาดการเชื่อมต่อ! (The Results! A Disconnected Chain)
➡️ ในกลุ่มคนสุขภาพดี (Healthy Controls):
การเชื่อมต่อนี้มีอยู่จริง! เมื่อผู้เข้าร่วมกลุ่มนี้เกร็งกล้ามเนื้อหลัง (LD) พบว่าความตึง (Stiffness) ของกล้ามเนื้อก้นฝั่งตรงข้าม เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12.7%)
นี่คือ "หลักฐานเชิงฟังก์ชันชิ้นแรกในคนที่มีชีวิต" ที่ยืนยันว่าการส่งผ่านแรงผ่านโซ่พังผืดนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ
➡️ ในกลุ่มผู้ป่วยปวดหลังเรื้อรัง (CLBP Patients):
การเชื่อมต่อนี้ "ขาดหาย" ไป! เมื่อผู้ป่วยกลุ่มนี้เกร็งกล้ามเนื้อหลัง (LD) กลับ ไม่พบการเปลี่ยนแปลงความตึงของกล้ามเนื้อก้นฝั่งตรงข้ามอย่างมีนัยสำคัญ (เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียง 1.5%)
➡️ ความแตกต่างระหว่างสองกลุ่มนี้มีนัยสำคัญทางสถิติอย่างชัดเจน
💡 Dr. W's Take: มันหมายความว่ายังไง? (What Does This Mean?)
➡️ หลักฐานชิ้นแรกที่จับต้องได้นี้: งานวิจัยนี้ถือเป็นการค้นพบที่สำคัญมาก เพราะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นการทำงานของโซ่พังผืดนี้ในคนจริงๆ และแสดงให้เห็นว่ามัน "บกพร่อง" ไปในผู้ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง
➡️ พังผืดไม่ใช่แค่ "พลาสติกห่อของ": มันยืนยันว่า Thoracolumbar Fascia (TLF) ไม่ใช่แค่เนื้อเยื่อเฉื่อยๆ ที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อ แต่มีบทบาท "เชิงรุก (Active)" ในการส่งผ่านและปรับเปลี่ยนแรงไปทั่วร่างกาย
➡️ การถ่ายเทแรงที่บกพร่อง: สำหรับผู้ป่วยปวดหลังเรื้อรัง "โซ่ที่ขาดการเชื่อมต่อ" นี้ อาจหมายถึงความสามารถในการถ่ายเทแรงระหว่างลำตัวส่วนบนและส่วนล่างที่ด้อยประสิทธิภาพลงขณะเคลื่อนไหว เช่น การเดินหรือการวิ่ง ซึ่งอาจนำไปสู่การเคลื่อนไหวชดเชย (Compensatory strategies) และทำให้ปัญหามอเตอร์คอนโทรลที่ผิดปกติยังคงอยู่ต่อไป
➡️ ทำไมการเชื่อมต่อถึงขาดหาย?: งานวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกิดได้จากหลายปัจจัยในกลุ่มผู้ป่วยปวดหลังเรื้อรัง เช่น:
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle weakness)
กล้ามเนื้อก้นลีบเล็กลง (Decreased GM cross-sectional area)
การเคลื่อนไหวของพังผืดที่ลดลง (Reduced fascial gliding) จากภาวะพังผืดยึดติด (Fibrosis and adhesions)
การควบคุมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่เปลี่ยนแปลงไป (Altered neuromuscular control)
🤔 คำถามสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบ (The Big Questions That Remain)
➡️ ไก่กับไข่? (Cause or Consequence?): นี่คือประเด็นที่สำคัญมากครับ เรา ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าการส่งผ่านแรงที่ลดลงนี้เป็น "สาเหตุ" ที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง หรือเป็น "ผลลัพธ์" ที่ตามมาทีหลัง (เช่น อาการปวดทำให้สมองเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเคลื่อนไหว จนทำให้การเชื่อมต่อนี้เสียไป)
➡️ แล้วจะรักษาอย่างไร? (How to Treat It?): เรา ยังไม่มีข้อมูล ที่จะฟันธงได้ว่าการรักษาหรือการออกกำลังกายแบบใดที่จะช่วยฟื้นฟูการส่งผ่านแรงที่บกพร่องนี้ได้ดีที่สุด
✅ สรุปและนัยยะทางคลินิก (Conclusion & Clinical Implications)
งานวิจัยนี้ได้เพิ่มมิติใหม่ให้กับความเข้าใจของเราเกี่ยวกับภาวะปวดหลังเรื้อรัง โดยชี้ให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นแค่ปัญหาเฉพาะจุดที่หลังส่วนล่าง แต่อาจเกี่ยวข้องกับการทำงานที่ล้มเหลวของระบบพังผืดและกล้ามเนื้อที่เชื่อมโยงกันเป็นระบบใหญ่ทั่วร่างกาย
สำหรับนักกายภาพบำบัด (โดยเฉพาะสายที่ทำงานกับ Myofascial slings หรือระบบโซ่การเคลื่อนไหว เช่น NKT/NMI) งานวิจัยนี้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ยอดเยี่ยมที่มาสนับสนุนแนวคิดในการประเมินและรักษาความเชื่อมโยงในระยะไกลเหล่านี้
แม้ว่าเราจะยังไม่มี "โปรโตคอลการฟื้นฟู" ที่ชัดเจนสำหรับภาวะนี้ แต่ผลการศึกษาก็ช่วยสนับสนุนคุณค่าของการออกกำลังกายที่เน้นการทำงานของโซ่ทแยงมุม (Diagonal sling systems) เหล่านี้ เช่น:
ท่า Bird-dog และการประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่างๆ
ท่า Single-arm rows ที่ทำร่วมกับการเหยียดสะโพกข้างตรงข้าม
ท่า Cable chops and lifts ที่มีการหมุนลำตัว
ท่า Loaded carries เช่น Farmer's walk หรือ Suitcase carry
เป้าหมายคือการ "ฝึกใหม่ (Retrain)" ให้ร่างกายกลับมาทำงานเป็นระบบที่เชื่อมต่อและประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้งครับ!
✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก: ปวดหลังเรื้อรังในนักกอล์ฟ... เมื่อ chain ที่เชื่อมระหว่าง "หลังกับก้น" ขาดการเชื่อมต่อ! ✨
คุณเอ นักกอล์ฟสมัครเล่น อายุ 45 ปี มีอาการ ปวดหลังส่วนล่างด้านขวาแบบตื้อๆ หน่วงๆ มานานกว่าหนึ่งปี อาการไม่ได้รุนแรงมาก แต่เป็นตลอดเวลาและจะรู้สึกชัดเจนขึ้นในช่วงท้ายของการออกรอบ หรือหลังจากซ้อมไดรฟ์กอล์ฟนานๆ โดยเฉพาะในจังหวะ Follow-through (จังหวะหลังปะทะลูก)
การประเมิน (Assessment):
➡️ Subjective:
คุณเอเล่าว่า: "ผมรู้สึกว่าวงสวิงของผมมันไม่มีพลังเหมือนเดิมครับ โดยเฉพาะจังหวะที่ต้องบิดตัวส่งแรง มันรู้สึกเหมือนลำตัวกับสะโพกมันไม่ไปด้วยกัน แล้วก็จะมาปวดหน่วงๆ ที่หลังขวาทุกที ไปนวดไปคลายกล้ามเนื้อหลังก็ดีขึ้นแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมาเป็นอีก"
➡️ Objective (Clinical Exam):
Movement Analysis: เมื่อให้นักกายภาพฯ วิเคราะห์วงสวิงกอล์ฟ หรือทำท่าที่เลียนแบบการบิดตัว (เช่น Cable chop) สังเกตเห็นว่าการถ่ายเทแรงจากสะโพกข้างซ้ายไปยังลำตัวและแขนขวาดูไม่ราบรื่น มีการใช้แรงจากหลังส่วนล่างเพื่อ "กระชาก" หรือชดเชยค่อนข้างเยอะ
Strength Test: เมื่อทดสอบกำลังกล้ามเนื้อแบบแยกส่วน พบว่ากำลังของกล้ามเนื้อหลัง (Latissimus Dorsi - LD) และกล้ามเนื้อก้น (Gluteus Maximus - GM) ดูเหมือนจะปกติ ไม่ได้อ่อนแรงชัดเจน
➡️ NKT/NMI Assessment (Neuromuscular Integration/Neurokinetic Therapy):
นี่คือจุดที่ทำให้เราเจอ "ต้นตอ" ครับ ทำการทดสอบการทำงานของ Posterior Oblique Sling
ขั้นตอน:
ให้นอนแล้วกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อก้นข้างซ้าย (Left GM) ที่ประเมินแล้วว่า ทำงานได้ไม่ดี (Inhibited)
ทดสอบกำลังของกล้ามเนื้อหลังข้างขวา (Right LD) -> พบว่ามีแรงต้านได้ในระดับหนึ่ง
กลับมาทดสอบกำลังของกล้ามเนื้อก้นซ้าย (Left GM) อีกครั้งทันที ยิ่งแย่ลงไปอีก
การแปลผล: นี่บ่งชี้ว่า การเชื่อมต่อและการส่งผ่านแรงระหว่าง Left GM กับ Right LD นั้นบกพร่องไป สมอง "ลืม" วิธีการใช้งานกล้ามเนื้อสองมัดนี้ให้ทำงานร่วมกันเป็นทีม ทำให้ Left GM ยิ่งแย่ลง มันจึงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และทำให้กล้ามเนื้อ Right LD ต้องทำงานชดเชยจนเกิดอาการปวด
แผนการรักษา (Treatment Plan - เน้นการ "เชื่อมโซ่" ใหม่):
🧠 1. Pain Science Education (PSE):
อธิบายให้คุณเอเข้าใจแนวคิดเรื่อง Myofascial Slings โดยอาจจะใช้ภาพประกอบ: "คุณเอครับ ร่างกายเราเหมือนมี 'สายสะพาย' พาดทแยงจากปีกข้างขวาไปที่ก้นข้างซ้าย (ชี้ให้ดู) สายสะพายนี้เรียกว่า Posterior Oblique Sling มันมีความสำคัญมากในการสร้างพลังและความมั่นคงเวลาเราบิดตัวตีกล์อฟครับ"
อธิบายผลการตรวจ NKT/NMI และเชื่อมโยงกับงานวิจัย (จาก EP 180): "ตอนนี้ 'สายสะพาย' ของคุณเอมันเหมือน 'หย่อน' หรือ 'ขาดการเชื่อมต่อ' ไปครับ ไม่ใช่ว่ากล้ามเนื้อไม่แข็งแรงนะ แต่สมองเราอาจจะลืมวิธีใช้งานมันร่วมกันเฉยๆ โปรแกรมกายภาพฯ ของเราจะเน้นการ 'ปลุก' และ 'เชื่อมต่อ' ระบบนี้ให้กลับมาทำงานเป็นทีมอีกครั้งครับ"
การให้ความรู้นี้ช่วยให้คุณเอเปลี่ยนมุมมองจาก "ฉันปวดหลัง" ไปสู่ "ฉันต้องฝึกให้ร่างกายทำงานประสานกันได้ดีขึ้น"
📈 2. Load Management:
ในช่วงแรก แนะนำให้คุณเอลดความแรงในการตีลงเล็กน้อย และให้โฟกัสไปที่ "ความรู้สึกเชื่อมต่อ" ระหว่างสะโพกกับลำตัวในจังหวะสวิง แทนที่จะเน้นแต่การตีให้ไกลที่สุด
⚙️ 3. NKT/NMI Corrective Strategy:
Release: คลายกล้ามเนื้อที่ทำงานชดเชยจนตึงตัว Rt. LD
Activate: กระตุ้นการทำงานของ Left Gluteus Maximus ที่ Inhibited ด้วยท่าออกกำลังกายเฉพาะเจาะจง
Integrate (การเชื่อมต่อใหม่ - หัวใจสำคัญ!): ทันทีหลังจากการ Activate Left GM ให้คุณเอทำท่าที่ต้องใช้ Right LD ทันที เพื่อ "สอน" ให้สมองรับรู้ถึงการเชื่อมต่อนี้ เช่น Activate Left GM แล้วตามด้วยท่า Single-arm row ด้วยแขนขวา
💪 4. Targeted Exercise Program (โปรแกรมการออกกำลังกายที่เน้นการฝึก Sling):
ออกแบบโปรแกรมที่เน้นการทำงานในแนวทแยงมุม เพื่อฟื้นฟูการส่งผ่านแรงของ Posterior Oblique Sling โดยตรง
ตัวอย่างท่าออกกำลังกาย:
➡️ Bird-dog: เป็นท่าคลาสสิกที่ยอดเยี่ยม โดยการยกแขนขวาและขาซ้ายขึ้นพร้อมกัน
➡️ Single-arm/Single-leg RDL: ยืนบนขาซ้าย แล้วก้มตัวลงหยิบเคตเทิลเบลด้วยมือขวา
➡️ Cable Chops & Lifts: การฝึกโดยใช้เครื่องเคเบิลในลักษณะการบิดลำตัวทแยงมุม
➡️ Step-up with contralateral load: ก้าวขึ้นบันไดด้วยขาซ้าย ขณะที่ถือดัมเบลไว้ในมือขวา
เน้นการเคลื่อนไหวที่ควบคุมได้ดีและราบรื่น
ผลลัพธ์ (Outcome):
คุณเอรายงานว่ารู้สึกว่าวงสวิงของตัวเอง "แน่น" และ "มีพลัง" มากขึ้น
อาการปวดหลังส่วนล่างด้านขวาที่เคยเป็นหลังการซ้อม ค่อยๆ ลดลงจนหายไป เพราะกระดูกสันหลังได้รับการสร้างความมั่นคงจาก Sling system อย่างเหมาะสม ไม่ได้ถูกบิดหรือรับแรงมากเกินไปเหมือนแต่ก่อน
คุณเอมีความเข้าใจในการฝึกร่างกายของตัวเองในฐานะ "ระบบที่เชื่อมต่อกัน" มากขึ้น ไม่ใช่แค่การฝึกกล้ามเนื้อแยกส่วนอีกต่อไป
ข้อสังเกต: เคสนี้แสดงให้เห็นว่าการประเมินที่ลึกไปถึงระดับการทำงานประสานกันของระบบพังผืดและกล้ามเนื้อ (Myofascial Slings) อย่าง NKT/NMI สามารถช่วยไขปริศนาของอาการปวดเรื้อรังที่ดูเหมือนจะหาสาเหตุไม่เจอได้ และการรักษาที่เน้นการฟื้นฟู "การเชื่อมต่อ" นี้ ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนกว่าการรักษาแค่ที่บริเวณที่มีอาการปวดเพียงอย่างเดียวครับ!
📖 References :
➡️ Bricca, A., et al. (2025). Exercise Therapy 'Wears Down' My Knee Joint: Myth or Reality? Journal of Orthopaedic & Sports Physical Therapy.
➡️ Bricca, A., Juhl, C. B., Steultjens, M., et al. (2019). Impact of exercise on articular cartilage in people at risk of, or with established, knee osteoarthritis: a systematic review of randomised controlled trials. British Journal of Sports Medicine, 53(15), 940-947.
➡️ Bunzli, S., O'Brien, P., Ayton, D., et al. (2019). Misconceptions and the Acceptance of Evidence-based Nonsurgical Interventions for Knee Osteoarthritis. A Qualitative Study. Clinical Orthopaedics and Related Research, 477(9), 1975-1983.
➡️ Bunzli, S., Taylor, N. F., O'Brien, P., et al. (2023). Broken Machines or Active Bodies? Part 1. Ways of Talking About Health and Why It Matters. Journal of Orthopaedic & Sports Physical Therapy, 53(5), 236-238.
➡️ Sophia Fox, A. J., Bedi, A., & Rodeo, S. A. (2009). The basic science of articular cartilage: structure, composition, and function. Sports Health, 1(6), 461-468.
➡️ Wood, G., Neilson, J., Cottrell, E., & Hoole, S. P. (2023). Osteoarthritis in people over 16: diagnosis and management-updated summary of NICE guidance. BMJ, 380, p24.
➡️ Ackerman, I. N., Skou, S. T., Roos, E. M., et al. (2020). Implementing a national first-line management program for moderate-severe knee osteoarthritis in Australia: A budget impact analysis focusing on knee replacement avoidance. Osteoarthritis and Cartilage Open, 2(3), 100070.
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพ มี 2 สาขา
!!ยินดีให้คำปรึกษา ฟรี!!
📌สาขา เยาวราช
-แผนที่ : https://g.co/kgs/kXSEbT
-โทร : 080 425 9900
-Line : https://lin.ee/6pVt7JG
📌สาขา เพชรเกษม81
-แผนที่ : https://g.co/kgs/MVhq7B
-โทร : 094 654 2460
-Line :https://lin.ee/cl1hNqe










Comments