top of page

Dr. W EP. 149: "เจ็บขาหนีบ (Groin Pain) ในนักกีฬา... ความแข็งแรงกล้ามเนื้อเกี่ยวไหม? 🤔 งานวิจัยมีคำตอบ!"

ree

😊 Dr. W EP. 149: "เจ็บขาหนีบ (Groin Pain) ในนักกีฬา... ความแข็งแรงกล้ามเนื้อเกี่ยวไหม? 🤔 งานวิจัยมีคำตอบ!"


สวัสดีครับ! Dr. W กลับมาอีกครั้งครับ! "อาการปวดขาหนีบ" หรือ Groin Pain เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและพบบ่อยมากในกีฬาที่ต้องมีการเร่งความเร็ว-ลดความเร็ว, การสปริ้นท์, และการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว เช่น ฟุตบอล (Bourne et al., 2024; Esteve et al., 2022), ออสเตรเลียนฟุตบอล (Orchard et al., 1998), เกลิคฟุตบอล (O'Malley et al., 2022), รักบี้ (Gabbe et al., 2004), และฮ็อกกี้ (Thorborg et al., 2021; Serner et al., 2024)


ถึงแม้ว่าการบาดเจ็บที่ขาหนีบส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อ "กล้ามเนื้อหุบขา/ขาหนีบ (Hip Adductor muscles)" (Serner et al., 2015) แต่ก็ยังมีโครงสร้างอื่นๆ อีกหลายอย่างที่ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณขาหนีบได้ เช่น ปัญหาจากกล้ามเนื้องอสะโพก (Hip flexor-related) (Mosler et al., 2017), ปัญหาจากบริเวณขาหนีบส่วนหน้า (Inguinal-related) (Sheen et al., 2022), หรือปัญหาจากบริเวณหัวหน่าว (Pubic-related conditions) (Thorborg et al., 2018) ทำให้การประเมินนักกีฬาที่มีอาการปวดบริเวณนี้ค่อนข้างยาก (Kemp et al., 2024)


คำถามที่หลายคนสงสัยคือ แล้วความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบๆ สะโพก โดยเฉพาะ Adductors (ขาหนีบ) และ Abductors (กางขา) มันสามารถทำนายหรือช่วยป้องกันการเกิดอาการปวดขาหนีบในอนาคตได้หรือไม่?


🤔 ทำไมงานวิจัยนี้น่าสนใจ?

มีงานวิจัยใหม่ล่าสุดที่เป็น Systematic Review และ Meta-analysis ตีพิมพ์ใน British Journal of Sports Medicine (BJSM) ที่พยายามสังเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อตอบคำถามว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสะโพกเหล่านี้ (ที่วัดในนักกีฬาที่ยังไม่มีอาการ) มันสัมพันธ์กับการเกิดอาการปวดขาหนีบในอนาคตหรือไม่ ถ้ามันเกี่ยวข้องกันจริง ก็อาจจะนำไปสู่แนวทางการป้องกันที่ดีขึ้นได้!


🔬 เจาะลึกงานวิจัย (Systematic Review & Meta-Analysis จาก BJSM)


➡️ Objective (เขาอยากรู้อะไร?):


เพื่อตรวจสอบว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Hip Adductor, Hip Abductor, และอัตราส่วนความแข็งแรงระหว่าง Adductor ต่อ Abductor (Adductor-to-Abductor strength ratio) ในนักกีฬา สามารถทำนายการเกิดอาการปวดขาหนีบ หรือการบาดเจ็บขาหนีบที่ทำให้ต้องหยุดพักการซ้อม/แข่งขัน (Time-loss groin injuries) ในอนาคตได้หรือไม่


➡️ Methodology (เขาทำยังไง?):


ผู้ศึกษาได้ทำการค้นหางานวิจัยอย่างครอบคลุมจากหลายฐานข้อมูล (PubMed, Web of Science, SPORTDiscus, PEDro, Embase, Scopus)

เกณฑ์การคัดเลือกงานวิจัยคือ: ต้องเป็นงานวิจัยที่วัดความแข็งแรงของ Hip Adductor หรือ Abductor ในนักกีฬาที่สุขภาพดี, เป็นการศึกษาแบบติดตามไปข้างหน้า (Prospective design), และมีการติดตามข้อมูลการเกิดอาการปวดขาหนีบ

มีการประเมินคุณภาพของงานวิจัยที่นำมาวิเคราะห์ (ด้วย QUIPS tool) และประเมินความน่าเชื่อถือของหลักฐาน (ด้วย GRADE approach)


📊 ผลลัพธ์ที่ได้! (Key Results)


➡️ ความแข็งแรงกล้ามเนื้อขาหนีบ (Hip Adductor Strength):


⭐ พบว่ามี ความสัมพันธ์ในระดับปานกลาง (Moderate association) ระหว่างการมีกล้ามเนื้อขาหนีบที่ แข็งแรงกว่า กับ ความเสี่ยงที่ลดลง ในการเกิดอาการปวดขาหนีบในอนาคต (Standardized Mean Difference, SMD = -0.5) และการบาดเจ็บขาหนีบที่ทำให้ต้องหยุดพัก (SMD = -0.68)

➡️ พูดง่ายๆ คือ: นักกีฬาที่มีกล้ามเนื้อ Adductors แข็งแรงกว่า มีแนวโน้มที่จะเจ็บขาหนีบน้อยกว่า!


➡️ ความแข็งแรงกล้ามเนื้อกางขา (Hip Abductor Strength):


ไม่พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจน (No significant association) ระหว่างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกางขากับการเกิดอาการปวดขาหนีบหรือการบาดเจ็บในอนาคต


➡️ อัตราส่วนความแข็งแรง Adductor ต่อ Abductor (Adductor-to-Abductor Strength Ratio):


ไม่พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจน (No significant relationship) ระหว่างอัตราส่วนความแข็งแรงนี้กับการเกิดการบาดเจ็บขาหนีบในอนาคต


➡️ ปัจจัยอื่นๆ (Moderation Analysis):


อายุของนักกีฬา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการวินิจฉัยอาการปวดขาหนีบ ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างความแข็งแรงของ Adductor กับการเกิดการบาดเจ็บอย่างชัดเจน


💡 Dr. W's Take: มันหมายความว่ายังไง? (What Does This Mean?)


➡️ Adductor Strength ดูเหมือนจะ "ใช่" เลย! นี่คือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดจากรีวิวนี้ครับ การเน้นสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาหนีบ (Adductors) อาจจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการช่วยป้องกันปัญหาปวดขาหนีบในนักกีฬา

➡️ Abductor Strength หรือ Ratio อาจจะไม่ใช่ตัวทำนายโดยตรง: ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกางขา (Abductors) เพียงอย่างเดียว หรืออัตราส่วนความแข็งแรงระหว่าง Adductor กับ Abductor อาจจะไม่ได้เป็นตัวทำนายการเกิดอาการปวดขาหนีบในอนาคตได้ดีเท่าความแข็งแรงของ Adductor โดยตรง (แต่อย่างไรก็ตาม กล้ามเนื้อ Abductors ก็ยังคงมีความสำคัญต่อการทำงานของสะโพกโดยรวม และการป้องกันการบาดเจ็บอื่นๆ นะครับ)

➡️ ความน่าเชื่อถือของหลักฐาน: ผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตว่าหลักฐานสำหรับความแข็งแรงของ Adductor และอัตราส่วน ยังมีความน่าเชื่อถือในระดับต่ำถึงต่ำมาก ซึ่งหมายความว่าเราอาจจะต้องระมัดระวังในการตีความและยังต้องการงานวิจัยเพิ่มเติม แต่สำหรับความแข็งแรงของ Adductor เองนั้น ผลค่อนข้างไปในทิศทางบวกในระดับปานกลาง


✅ ข้อแนะนำทางคลินิก (Clinical Implications):


ควรพิจารณาตรวจประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Adductor ในนักกีฬา โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น นักฟุตบอล, นักฮ็อกกี้) (ท่าตรวจที่นิยมใช้ เช่น Hip adductor squeeze strength test)

ออกแบบโปรแกรมการฝึกและฟื้นฟูที่เน้นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Adductor เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันการบาดเจ็บขาหนีบ

ไม่ควรยึดติดกับอัตราส่วน Adductor/Abductor เพียงอย่างเดียว ในการทำนายความเสี่ยง


⚠️ ข้อจำกัดของรีวิวนี้ (Limitations of the Review):


➡️ กลุ่มตัวอย่าง: งานวิจัยส่วนใหญ่ที่นำมารวมกัน ศึกษาในนักกีฬาชาย โดยเฉพาะจากกีฬาฟุตบอลและฮ็อกกี้น้ำแข็ง ทำให้การนำผลไปใช้กับกลุ่มอื่น (โดยเฉพาะนักกีฬาหญิง) อาจจะต้องระมัดระวัง

➡️ การวัดความแข็งแรง: การวัดความแข็งแรงส่วนใหญ่เป็นแบบ Isometric (เกร็งค้าง) ในขณะที่การบาดเจ็บที่ขาหนีบมักจะเกิดขึ้นในจังหวะที่กล้ามเนื้อทำงานแบบ Eccentric (ยืดออกขณะเกร็ง)

➡️ คำจำกัดความการบาดเจ็บ: คำจำกัดความของการบาดเจ็บและวิธีการวินิจฉัยในแต่ละงานวิจัยที่นำมารวมกันอาจมีความแตกต่างกัน


✨ เคสตัวอย่างจากคลินิก✨


คุณเกม นักฟุตบอลสมัครเล่น อายุ 25 ปี มาที่คลินิก เพื่อขอคำแนะนำในการป้องกันการบาดเจ็บขาหนีบ คุณเกมยังไม่มีอาการปวดรุนแรง แต่เคยมีอาการตึงๆ หรือ "จี๊ดๆ" ที่ขาหนีบเป็นครั้งคราวหลังการซ้อมหนักหรือการแข่งขัน และเพื่อนร่วมทีมหลายคนก็มีปัญหาเจ็บขาหนีบเรื้อรัง เขาจึงอยากจะดูแลตัวเองให้ดีขึ้น


การประเมิน (Screening & Assessment):


➡️ Subjective:

กังวลเรื่องการบาดเจ็บขาหนีบ เนื่องจากเป็นกีฬาที่มีความเสี่ยงสูง

ต้องการโปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อป้องกัน

➡️ Objective (เน้นการคัดกรอง):

ตรวจ ROM ของสะโพกและข้อต่อที่เกี่ยวข้อง

Adductor Strength Testing: ใช้ Handheld dynamometer วัดแรงในการทำ Squeeze test (หนีบขาทั้งสองข้างเข้าหากัน) และการวัดแรง Adduction ของขาแต่ละข้าง พบว่าแรง Adduction ข้างขวา (ขาข้างถนัดในการเตะ) อาจจะน้อยกว่าข้างซ้ายเล็กน้อย หรือเมื่อเทียบกับค่าอ้างอิงแล้วยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควร

Abductor Strength Testing: ตรวจวัดเพื่อดูความสมดุลโดยรวม

Functional Movement Screen: สังเกตการควบคุมร่างกายในท่า Squat, Lunge, Single-leg squat

➡️ NKT/NMI Assessment (Neuromuscular Integration/Neurokinetic Therapy):

อาจพบว่ากล้ามเนื้อ Adductor Longus (ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อ Adductor ที่บาดเจ็บบ่อย) ทำงานได้ไม่ดี (Inhibited) แม้จะดูเหมือนมีแรงในบางท่า

กล้ามเนื้อกลุ่มอื่น เช่น Pectineus หรือ Gracilis อาจจะ ทำงานชดเชย (Compensating)

หรืออาจพบว่ากล้ามเนื้อ Glutes ที่ควรจะช่วยในการทรงตัวและสร้างแรงในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ทำงานได้น้อย (Inhibited) ทำให้ Adductors ต้องมารับภาระหนักขึ้นในการช่วย Stabilize หรือแม้แต่ช่วยในการเคลื่อนที่บางจังหวะ

แผนการป้องกันและเสริมสร้างความแข็งแรง (Preventative Program):


🧠 1. Education (Pain Science/Injury Prevention) & Load Management:


อธิบายคุณเกมถึงผลการวิจัยล่าสุด (เช่นจากรีวิวนี้) ว่าการมีกล้ามเนื้อ Adductor ที่แข็งแรงสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บขาหนีบได้

พูดคุยถึงกลไกการบาดเจ็บขาหนีบที่พบบ่อยในนักฟุตบอล (เช่น การเตะบอล, การเปลี่ยนทิศทางเร็วๆ ซึ่งต้องใช้ Adductors ทำงานแบบ Eccentric และ Concentric อย่างหนัก)

เน้นความสำคัญของการ จัดการภาระการฝึกซ้อม (Load management) ที่เหมาะสม การค่อยๆ เพิ่มความหนัก/ความถี่ของการฝึก (Progressive overload) และการมีช่วงพักฟื้นที่เพียงพอ

ความสำคัญของ Warm-up ที่มี Dynamic movements และ Cool-down


⚙️ 2. NKT/NMI Corrective Strategy (ถ้าพบความไม่สมดุล):


Release: คลายกล้ามเนื้อที่ทำงานชดเชยหรือตึงตัว (เช่น Pectineus, Gracilis หรือ Hip Flexors อื่นๆ ถ้าเกี่ยวข้อง)

Activate: กระตุ้นการทำงานของ Adductor Longus หรือส่วนของ Adductor ที่ Inhibited ให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้นในรูปแบบที่ถูกต้อง

Integrate: ฝึกการทำงานร่วมกันของ Adductors กับกล้ามเนื้ออื่นๆ รอบสะโพกและแกนกลางลำตัว (Core) ในท่าทางที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริง


💪 3. Targeted Adductor Strengthening Program (โปรแกรมเสริมสร้างความแข็งแรง Adductor โดยเฉพาะ):


ออกแบบโปรแกรมที่เน้นกล้ามเนื้อ Adductors โดยผสมผสานการทำงานทั้งแบบ Isometric, Concentric, และ Eccentric

ตัวอย่างท่าออกกำลังกาย:

Copenhagen Adduction Exercise: ท่าที่ได้รับการยอมรับว่าดีมากสำหรับ Adductors มีหลายระดับความยาก (เช่น เริ่มจากเข่างอ -> เข่าเหยียด -> เพิ่มการเคลื่อนไหว)

Adductor Squeezes: ใช้ลูกบอลหรือหมอนหนีบระหว่างเข่า (Isometric) หรือใช้เครื่อง Adductor machine (Concentric/Eccentric)

Wide Stance Squats/Sumo Squats, Lateral Lunges: เป็นท่า Compound ที่ได้ Adductors ร่วมด้วย

Sliding Lunges with Adductor emphasis: ใช้ผ้าหรือแผ่นสไลด์ช่วย

เน้นการค่อยๆ เพิ่มความหนัก (Progressive resistance) และความทนทาน (Endurance)

ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง (อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Strength & Conditioning โดยรวม)


⚽ 4. Overall Hip & Core Stability and Sport-Specific Drills:


ไม่ลืมที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงและความมั่นคงของกล้ามเนื้อรอบสะโพกทั้งหมด (Abductors, Glutes, Hip Rotators) และกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว

เมื่อพื้นฐานความแข็งแรงดีแล้ว ค่อยๆ เพิ่มการฝึกที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวในกีฬาฟุตบอล (Sport-specific drills) เช่น การฝึกเปลี่ยนทิศทาง, การสปริ้นท์, การเตะบอล โดยเน้นการควบคุมที่ดี


ผลลัพธ์ (Outcome - หลังทำโปรแกรมป้องกันอย่างสม่ำเสมอ):


ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Adductor ของคุณเกมเพิ่มขึ้น (วัดผลซ้ำด้วย Dynamometer)

รู้สึกมั่นคงและมีพลังมากขึ้นเวลาเคลื่อนที่ในสนาม

อาการตึงๆ หรือ "จี๊ดๆ" ที่ขาหนีบหลังการซ้อมหนักลดลงหรือไม่เกิดขึ้นอีก

(หวังผลระยะยาว) ลดโอกาสการเกิดการบาดเจ็บขาหนีบที่รุนแรงในอนาคต


ข้อสังเกต: เคสนี้แสดงให้เห็นว่าการนำข้อมูลจากงานวิจัย (เช่น การที่ Adductor strength สัมพันธ์กับการป้องกัน groin pain) มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบโปรแกรมป้องกันการบาดเจ็บสำหรับนักกีฬา โดยการตรวจประเมินความแข็งแรงและแก้ไขความไม่สมดุลของกล้ามเนื้อ (ถ้ามี) และตามด้วยการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเป้าหมาย (ในที่นี้คือ Adductors) อย่างถูกวิธี เป็นกลยุทธ์ที่มีคุณค่าและสามารถช่วยให้นักกีฬามีความพร้อมและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้ครับ!


📖 References


➡️ Whittaker, J. L., Small, C., Maffey, L., & Emery, C. A. (2015). Risk factors for groin injury in sport: an updated systematic review. British Journal of Sports Medicine, 49(12), 803-809.

➡️ Bourne, M. N., Timmins, R. G., Opar, D. A., et al. (2024). Hamstring strain injuries: factors that lead to injury and re-injury. Sports Medicine.


➡️ Esteve, E., Rathleff, M. S., Bagur-Calafat, C., et al. (2022). Prevention of groin injuries in sports: a systematic review and meta-analysis of randomised controlled trials. British Journal of Sports Medicine, 56(11), 617-625.


➡️ Orchard, J. W., Marsden, J., Lord, S., & Garlick, D. (1998). Preseason hamstring muscle weakness associated with hamstring muscle injury in Australian footballers. The American Journal of Sports Medicine, 26(1), 81-85.


➡️ O'Malley, E., Mc Crystal, P., Murphy, J. C., et al. (2022). Incidence and prevalence of injuries in elite male gaelic footballers: a systematic review and meta-analysis. Sports Medicine - Open, 8(1), 23.


➡️ Gabbe, B. J., Finch, C. F., Bennell, K. L., & Wajswelner, H. (2004). Risk factors for hamstring injuries in community level Australian football. British Journal of Sports Medicine, 38(2), e13.


➡️ Thorborg, K., Krommes, K. K., Esteve, E., et al. (2021). High-volume, high-intensity, and high-speed running are associated with prevalent and incident groin problems in male football players: a secondary data analysis of a randomised controlled trial. British Journal of Sports Medicine, 55(15), 846-853.


➡️ Serner, A., Weir, A., Tol, J. L., et al. (2024). Return to sport after a primary adductor injury is challenging: a prospective cohort study of 336 athletes. British Journal of Sports Medicine, 58(5), 270-276.


➡️ Serner, A., van Eijden, M., Weir, A., et al. (2015). Return to sport after criteria-based rehabilitation of acute adductor injuries in male athletes: a prospective cohort study. Orthopaedic Journal of Sports Medicine, 3(7_suppl3), 2325967115S00187.


➡️ Mosler, A. B., Weir, A., Eirale, C., et al. (2017). The Doha agreement meeting on terminology and definitions in groin pain in athletes. British Journal of Sports Medicine, 51(19), 1450-1452.


➡️ Sheen, A. J., Stephenson, B. M., Lloyd, D. M., et al. (2022). Treatment of the sportsman's groin: British Hernia Society's 2014 position statement on the 'sportsman's groin'. Hernia, 26(1), 1-5.


➡️ Thorborg, K., Reiman, M. P., Weir, A., et al. (2018). Clinical examination, diagnostic imaging, and testing of athletes with groin pain: an evidence-based approach to effective management. Journal of Orthopaedic & Sports Physical Therapy, 48(4), 239-249.


➡️ Kemp, J. L., Mosler, A. B., Hart, H. F., et al. (2024). Infographic. Groin pain in athletes: Doha Agreement diagnostic clinical entities. British Journal of Sports Medicine, 58(2), e1.


➡️ Bourne, M. N., Webster, K. E., & Hewett, T. E. (2017). Is the Copenhagen Adduction Exercise an Effective Intervention for Preventing and Treating Groin Pain in Athletes? A Systematic Review and Meta-analysis. Sports Medicine, 47(7), 1373-1387. 📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายเข้ารับบริการกายภาพบำบัดได้ที่:

 
 
 

Comments

Couldn’t Load Comments
It looks like there was a technical problem. Try reconnecting or refreshing the page.

JR Physio Clinic
บ้านใจอารีย์คลินิกกายภาพบำบัด

Our Partner

สาขาเพชรเกษม 81
  • facebook
  • generic-social-link
  • generic-social-link

256/1 Soi.Wuttisuk (Near Nongkhaem Police Station), Nongkhaem, Bangkok 10160

สาขาเยาวราช
  • facebook
  • generic-social-link
  • generic-social-link

9 Rama IV Road, Pom Prap, Pom Prap Sattru Phai, Bangkok 10100

Open hours : MON-SUN 9.00 am - 8.00 pm

©2019 by JR Physio Clinic. Proudly created with Wix.com

bottom of page